ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อผลการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน และ/หรือความดันโลหิตสูงที่มารับบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลเชียงรากน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ผู้แต่ง

  • ดารารัตน์ อุ่มบางตลาด โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเชียงรากน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

คำสำคัญ:

การดูแลตนเอง, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง

บทคัดย่อ

     การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อผลการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานและ/หรือความดันโลหิตสูง ที่มารับบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลเชียงรากน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขนาดของกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 150 คน จากการสุ่มตัวอย่างแบบง่ายโดยใช้ตารางเลขสุ่ม ระยะเวลาในการศึกษา พฤษภาคม-กรกฎาคม 2557 เครื่องมือเป็นแบบสัมภาษณ์ ประกอบด้วย ข้อมูลส่วนบุคคล ความรู้ และพฤติกรรมการดูแลตนเอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยการ แจกแจง ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และไคสแควร์ ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุเฉลี่ย 62.07 ปี ระดับการศึกษาชั้นประถม ศึกษา ไม่ได้ประกอบอาชีพ มีรายได้ต่ำกว่า 5,000 บาท มีระยะเวลาป่วยเป็นโรคเบาหวาน น้อยกว่า 5 ปี และมีระยะเวลาป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง อยู่ในช่วง 5-10 ปี กลุ่มตัวอย่างมีความรู้และพฤติกรรมการดูแลตนเอง อยู่ระดับปานกลาง (Mean=17.05, SD=3.695 และ Mean=73.69, SD 6.242) มีผลการดูแลตนเองอยู่ในระดับสูง (Mean=7.813, SD=1.045) โดยพฤติกรรมการดูแลตนเองมีความสัมพันธ์ต่อผลการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวานและ/หรือความดันโลหิตสูง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P=.01) 

เอกสารอ้างอิง

1. World Health Organization. World Health Statistics 2012: World Health Organization; 2012 [cited 2012 Jun 12]. Available from:URL:https://www.who.int/gho/publications/world_health_statistics/2012/en/.
2. อมรา ทองหงษ์, กมลชนก เทพสิทธา และ ภาคภูมิ จงพิริยะอนันต์. รายงานการเฝ้าระวังโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง พ.ศ. 2555; 2556 [วันที่ค้นข้อมูล 9 มีนาคม 2557]; แหล่งข้อมูล:URL:https://www.boe.moph.go.th/files/report/20140109_40197220.pd
3. กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร:สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2555. หน้า 1-2.
4. กระทรวงสาธารณสุข, สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์. จำนวนและอัตราตายโรคความดันโลหิตสูง ต่อประชากร 100,000 คน พ.ศ. 2550-2556 จำแนกรายจังหวัด สคร. และภาพรวมประเทศ 2557. [วันที่ค้นข้อมูล 9 มีนาคม 2557]; แหล่งข้อมูล:URL:https://thaincd.com/information-stsatistic/non-communicable-disease-data.php
5. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา, กลุ่มงานควบคุมโรค. 2557 [วันที่ค้นข้อมูล 9 มีนาคม 2557]; แหล่งข้อมูล:URL:https://www.ayo.moph.go.th/main/index.php
6. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเชียงรากน้อย, ศูนย์ข้อมูลโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเชียงรากน้อย. ทะเบียนผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อรื้อรัง. พระนครศรีอยุธยา:โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเชียงรากน้อย;2557.
7. Yamane, T. Statistics: An introductory analysis. Herperinternation edition. 3rd ed. Tokyo; 1999.
8. วิชัย เทียนถาวร. ระบบการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกัน โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ในประเทศไทย:นโยบาย สู่ การปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร:ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด; 2556.
9. Bloom, Benjamin S., Madaus, George F. and Hastings, Thomas J. Handbook on Formative and Summative Evaluation of student Learning. New York : Mc Grow Hill Book Company, Inc; 1971.
10. เนาวรัตน์ จันทานนท์, บุษราคัม สิงห์ชัย และ วิวัฒน์ วรวงษ์. พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในอำเภอเมือง จังหวัดชุมพร. วารสารวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2554;16:749-58.
11. ปฐญาภรณ์ ลาลุน, นภาพร มัธยมางกูร, อนันต์ มาลารัตน์. พฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ที่มารับบริการแผนกผู้ป่วยนอกอายุรกรรมโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์
สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 2554;18:160-9.
12. เทพ หิมะทองคำและคณะ. ความรู้เรื่องเบาหวาน ฉบับสมบูรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพมหานคร:บริษัทจูนพับลิชชิ่ง จำกัด; 2547.
13. ศิริพันธุ์ สาสัตย์. การพยาบาลผู้สูงอายุ ปัญหาที่พบบ่อยและแนวทางในการดูแล. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2551.
14. กระทรวงสาธารณสุข, กรมการแพทย์, สำนักพัฒนาวิชาการแพทย์. แนวทางการคัดกรองและดูแลผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร:ชุมชนการเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด; 2550.
15. สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. แนวทางการรักษาโรคความดันโลหิตสูงในเวชปฏิบัติทั่วไป พ.ศ. 2551. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร:บริษัทฮั่วน้ำพริ้นติ้ง จำกัด; 2551.
16. ผุสดี ด่านกุล, พชรพร สุวิชาเชิดชู และนิภาวรรณ ทองเป็นใหญ่. ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยด้านพฤติกรรมการดูแลตนเอง ปัจจัยด้านการสนับสนุนกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยบริการปฐมภูมิเครือข่ายเมืองย่า 5. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา 2554:17(2).
17. ขวัญใจ ศุกรนันทน์. ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิบัติในการบริบาลตนเองของผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงในเขตเมือง. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 2555;3:237-46.
18. กรมอนามัย, สำนักโภชนาการ. คู่มือการดำเนินงาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ลด หวาน มัน เค็ม Good Health Starts Here. กระทรวงสาธารณสุข; 2557.
19. พรทิพย์ มาลา, ปิยนันท์ พรหมคงธรรม และประคอง อินทรสมบัติ. ปัจจัยทำนายระดับน้ำตาลในเลือดของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารรามาธิบดีพยาบาลสาร 2553;16:218-37.
20. สุพาพร เพ็ชรอาวุธ. ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต). สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัว คณะพยาบาลศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยมหิดล;2553.
21. วราลี วงศ์ศรีชา. ผลการใช้โปรแกรมการส่งเสริมสมรถนะแห่งตนในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพประชาชนกลุ่มเสี่ยงเพื่อป้องกันโรคเบาหวานในเขตพื้นที่โรงพยาบาลนาแก จังหวัดนครพนม. (วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตร์มหาบัณฑิต). สาขาวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์. ขอนแก่น:มหาวิทยาลัยขอนแก่น;2555.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-01-31

รูปแบบการอ้างอิง

1.
อุ่มบางตลาด ด. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อผลการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน และ/หรือความดันโลหิตสูงที่มารับบริการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลเชียงรากน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 31 มกราคม 2019 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];4(3):194-207. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/169509

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ