การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ ในการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส ของประชาชน จังหวัดนครสวรรค์
คำสำคัญ:
การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้, สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส, การป้องกันบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีความมุ่งหมายเพื่อศึกษาปัญหาการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้พัฒนารูปแบบการเรียนรู้ และเพื่อประเมินผลการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส ของประชาชน จังหวัดนครสวรรค์ กลุ่มตัวอย่างเป็นประชาชนที่เป็นหัวหน้าครอบครัวหรือผู้แทนหัวหน้าครอบครัว ที่สมัครใจเข้าร่วมกระบวนการเรียนรู้ หมู่ที่ 2 บ้านห้วยน้ำลาด และหมู่ที่ 6 บ้านโคกเดื่อ ตำบลไพศาลี อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 30 คน ได้มาโดยเลือกแบบเจาะจงเฉพาะผู้ที่เคยรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของสุกรสุกๆ ดิบๆ หรือดิบ เป็นกลุ่มทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวัดความรู้ จำนวน 20 ข้อ แบบวัดเจตคติ จำนวน 20 ข้อ และแบบวัดพฤติกรรมในการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส จำนวน 24 ข้อ สถิติที่ใช้ ได้แก่ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบสมมติฐานได้แก่ Paired t-test
ผลการวิจัย พบว่ากลุ่มตัวอย่าง ส่วนมากเพศหญิง (ร้อยละ 76.7) อายุ 40-59 ปี (ร้อยละ 63.3) อายุเฉลี่ย 50.3 ปี ระดับการศึกษาประถมศึกษา (ร้อยละ 66.7) อาชีพเกษตรกรรม (ร้อยละ 46.7) บริโภคนิสัย ส่วนใหญ่รับประทานอาหารจากเนื้อหรือผลิตภัณฑ์จากสุกรดิบหรือสุกๆ ดิบๆ นานๆ ครั้ง (ร้อยละ 50.0) รองลงมา คือ เฉพาะเทศกาลหรืองานเลี้ยง (ร้อยละ 43.3) สำหรับการประกอบอาหารรับประทานเองที่บ้านจากเนื้อหรือผลิตภัณฑ์จากสุกรดิบหรือสุกๆ ดิบๆ นานๆ ครั้ง และเฉพาะเทศกาลหรืองานเลี้ยง (ร้อยละ 50.0) การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส ของประชาชน จังหวัดนครสวรรค์ โดยรวมมีความเหมาะสมระดับมาก ( =3.95, S.D.=.492) และรายด้าน 5 ด้าน มีความเหมาะสมระดับมาก คือ ด้านเนื้อหาสาระการจัดกระบวนการเรียนรู้ (
=3.95, S.D.=.492) ด้านความมุ่งหมายของกระบวนการเรียนรู้ (
=3.95, S.D.=.492) ด้านกิจกรรมการจัดกระบวนการเรียนรู้ (
=3.95, S.D.=.492) และด้านการประเมินผลกระบวนการเรียนรู้ (
=3.95, S.D.=.492) และหลังการทดลองและประเมินผลการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส ของประชาชน จังหวัดนครสวรรค์ พบว่า ประชาชนมีระดับความรู้ และระดับพฤติกรรมในการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แต่มีระดับเจตคติในการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส ก่อนและหลังการทดลองไม่แตกต่างกันที่ระดับ .05
โดยสรุป การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ในการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส ของประชาชน จังหวัดนครสวรรค์ มีประสิทธิผลเหมาะสมในการเสริมสร้าง ความรู้ เจตคติ และพฤติกรรมในการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส ของประชาชน จังหวัดนครสวรรค์ ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จึงควรนำการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส ของประชาชน จังหวัดนครสวรรค์นี้ไปใช้เพื่อการสร้างความปลอดภัยของประชาชนในป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส และก่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค ตลอดจนคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
เอกสารอ้างอิง
2. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์. แผนพัฒนาสุขภาพจังหวัดนครสวรรค์ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2559-2562). นครสวรรค์: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์; 2559.
3. เพ็ญแข แสงแก้ว. การวิจัยทางสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2541.
4. กิติพงศ์ กลิ่นแมน. ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมในการป้องกันโรคติดเชื้อสเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส ของประชาชนจังหวัดนครสวรรค์. นครสวรรค์: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครสวรรค์; 2559.
5. ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น; 2538.
6. บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. การวิจัย การวัดและประเมินผล. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ศรีอนันต์; 2543.
7. ไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์, อรชร วิชัยคำ, อนุพงษ์ เพียรไพรงาม. ผู้ป่วยโรคสเตร็บโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus suis)ที่มารักษาที่โรงพยาบาลเชียงคำ อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ปี 2552-2554: เครื่องมือคัดกรอง ผู้ติดเชื้อสเตร็บโตคอกคัส ซูอิส. วารสารสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย 2555;2(2): 119-132.
8. ธนูศิลป์ สลีอ่อน และคณะ. พฤติกรรมการบริโภคอาหารและระบาดวิทยาของโรคไข้หูดับจากเชื้อสเตร็ปโตคอกคัส ซูอิส ในผู้สูงอายุที่เป็นหมอสู่ขวัญจังหวัดน่านปี พ.ศ. 2558. บทคัดย่อการประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2558. 5-7 สิงหาคม 2558; ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวชั่น. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์; 2558.
9. เกศรา แสนศิริทวีสุข, ณพชร สีหะวงษ์, สุขสันต์ กองสะดี. การพัฒนารูปแบบการสร้างเสริมความปลอดภัยจากการบาดเจ็บจราจรและการจมน้ำโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2559;25(5) กันยายน-ตุลาคม; 812-822.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง