การพัฒนารูปแบบของการรักษาวัณโรคแบบมีพี่เลี้ยงกำกับ (DOT) อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ
คำสำคัญ:
การรักษาวัณโรคแบบมีพี่เลี้ยงกำกับ, วัณโรค, HEAL MODEL, การมีส่วนร่วมของชุมชนบทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการรักษาวัณโรคแบบมีพี่เลี้ยงกำกับ (DOT) ศึกษาผลของการพัฒนารูปแบบการรักษาวัณโรคแบบ DOT และศึกษาความพึงพอใจของผู้ป่วยและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพัฒนารูปแบบการรักษาวัณโรคแบบ DOT ในอำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยวัณโรค และพี่เลี้ยง จำนวนทั้งสิ้น 88 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยวัณโรค 37 คน และกลุ่มพี่เลี้ยง 51 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยคู่มือผู้ป่วยวัณโรค แบบทดสอบ และแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน t-test (dependent), t-test (Independent) และ Fisher’s exact test ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบการพัฒนาการรักษาวัณโรคแบบ DOT ที่ได้ คือ HEAL MODEL ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ มีเครือข่ายการทำงาน (H : Health Network Learning) รูปแบบการเรียนรู้แบบสร้างเสริมประสบการณ์ตามหลักบันได 5 ขั้น (E : Experiential Learning) การทำงานให้สำเร็จได้ด้วยคนอื่นผ่านการเสริมพลัง (A: Appreciative Participation Learning) คนพาทำ (L : Leader Learning) ผลการดำเนินงานตามรูปแบบที่สร้างขึ้น ทำให้กลุ่มพี่เลี้ยงมีความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาวัณโรคแบบ DOT หลังการอบรมศักยภาพสูงกว่าก่อนการพัฒนาศักยภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ความรู้เกี่ยวกับวัณโรคปอด การรับรู้ความสามารถของตนเองและพฤติกรรมการปฏิบัติตามแผนการรักษา ของกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยวัณโรคหลังการใช้รูปแบบการพัฒนาการรักษาวัณโรคแบบ DOT (รูปแบบฯ) สูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบฯ (p<0.05) ความสำเร็จของการรักษาผู้ป่วยวัณโรค พบว่า จากการทำ DOT ในผู้ป่วย 37 คน อัตรา ความสำเร็จของการรักษาหายขาด ร้อยละ 94.60 เมื่อประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบหลังการพัฒนา พบว่า ผู้ป่วยวัณโรคมีความพึงพอใจต่อการให้บริการรักษาวัณโรคอยู่ในระดับมาก (=4.05) ผู้ปฏิบัติงานมีความพึงพอใจต่อการให้บริการรักษาวัณโรคอยู่ในระดับมาก (
=3.79) สรุปผลการศึกษาได้พัฒนา HEAL MODEL ทำให้ระบบสุขภาพปฐมภูมิ และคนในชุมชนรับรู้เข้าใจการดูแลผู้ป่วยวัณโรคแบบ DOT และกลายเป็นวัฒนธรรมชุมชน
เอกสารอ้างอิง
http://www.tbonline.info/posts/2016/3/31/description-tb-germ-mycobacteriumtuberculosis-1/
2. World Health Organization. Global tuberculosis report 2017. Geneva: World Health Organization; 2017.
3. สำนักโรคเอดส์วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค. แนวทางการตรวจรักษาและป้องกัน การติดเชื้อเอชไอวีประเทศไทย. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย; 2560.
4. สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค. แนวทางการควบคุมวัณโรคประเทศไทย พ.ศ. 2561. กรุงเทพฯ: อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2561.
5. พันธ์ชัย รัตนสุวรรณ. หลักการควบคุมวัณโรค ประสบการณ์ 10 ปี. นครศรีธรรมราช: สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช; 2547.
6. พันธ์ชัย รัตนสุวรรณ, ชลดา ยวนแหล, ผกาวัลย์ แดหวา. การดำเนินงาน DOT (Directly-Observed Treatment) โดยมอบหมายการเป็นพี่เลี้ยงให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติ: รูปแบบของศูนย์วัณโรค เขต 11 นครศรีธรรมราช ปีงบประมาณ 2542-2543. สงขลานครินทร์เวชสาร 2545;20:69-78.
7. สมัญญา มุขอาษา. การศึกษาผลของโปรแกรมสร้างเสริมสุขภาพโดยการประยุกต์ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจในผู้ป่วยวัณโรคปอดเสมหะบวกรายใหม่. [วิทยานิพนธ์ปริญญาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต]. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2558.
8. Gibson CH. The process of empowerment in mothers of chronically ill children. J Adv Nurs 1995;21:1201-10.
9. กิตติพัทธ์ เอี่ยมรอด. การพัฒนากลยุทธ์การดำเนินงานควบคุมวัณโรคในพื้นที่จังหวัดตาก. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา 2558;10:1-14.
10. ผกายดาว พรหมสุรีย์. การเพิ่มอัตราการรักษาหายของผู้ป่วยวัณโรคในโรงพยาบาลน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2557;23:181-4.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง