สุขภาวะองค์รวมของผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านและติดเตียง อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา

ผู้แต่ง

  • สุวิตรา ต่างศรี กลุ่มงานบริการทางการแพทย์ โรงพยาบาลจักราช จังหวัดนครราชสีมา

คำสำคัญ:

ผู้สูงอายุ, ผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้าน, ผู้สูงอายุกลุ่มติดเตียง, สุขภาวะ, สุขภาวะองค์รวมผู้สูงอายุ

บทคัดย่อ

     ปัจจุบันสังคมไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ระบบบริการสุขภาพจำเป็นต้องมีการปรับระบบบริการให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุโดยเฉพาะผู้ที่มีข้อจำกัดในการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อให้มีการเข้าถึงบริการที่ดีและพัฒนาคุณภาพการดูแล วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาสุขภาวะองค์รวมและข้อมูลพื้นฐานของผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านและติดเตียงในอำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมาเป็นการศึกษาเชิงพรรณนาภาคตัดขวางโดยใช้แบบสอบถามกลุ่มผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้าน ติดเตียง และผู้ดูแล 164 ราย ในชุมชนสถิติที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
     ผลการศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านและติดเตียงส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 68.3 อายุเฉลี่ย 79.58(9.7) ปี มีผู้ดูแลร้อยละ 100 การประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันขั้นพื้นฐานพบว่า กลุ่มติดบ้านต้องการความช่วยเหลือในการขึ้นลงบันได มากที่สุดคือ ร้อยละ 75 และกลุ่มติดเตียงร้อยละ 100 ต้องการความช่วยเหลือในการขึ้นลงบันไดและการอาบน้ำ ภาวะผอมร้อยละ 42.9 มีความเสี่ยงโรคต้อกระจกร้อยละ 58.5 ความเสี่ยงต่อการหกล้มร้อยละ 88.4 รับประทานยาหลายชนิดร้อยละ 27.8 โรคประจำตัวส่วนใหญ่ คือ โรคความดันโลหิตสูงร้อยละ 26.2 ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ บาดทะยักและไวรัสตับอักเสบบีครบถ้วนร้อยละ 1.8 ความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อมร้อยละ 68.6 ภาวะซึมเศร้าระดับรุนแรงร้อยละ 1.8 การกระทำรุนแรงต่อผู้สูงอายุร้อยละ 18.9 สามารถออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 ครั้งร้อยละ 43.55 เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งร้อยละ 30.7
     จากผลการวิจัยครั้งนี้ทำให้ทราบข้อมูลสุขภาวะองค์รวมของผู้สูงอายุติดบ้านและติดเตียงเพื่อนำไปพัฒนาระบบบริการโดยต้องนำหลักการดูแลแบบองค์รวม การผสมผสานบริการทั้งด้านส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟูเข้ามาใช้

เอกสารอ้างอิง

1. United Nations, Department of Economic and Social Affairs. World Population Ageing 1950-2050. Population Division, DESA, United Nations. 2002 [cited 2014 January 2].
Available from: URL:http://www.un.org/esa/population/publications/worldageing19502050/.
2. วิพรรณ ประจวบเหมาะ. สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย 2554. กรุงเทพฯ: บริษัท พงษ์พาณิชย์เจริญผล จำกัด; 2555.
3. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา. จำนวนประชากรแยกกลุ่มอายุ [อินเทอร์เน็ต]. (วันที่ค้นข้อมูล 3 ม.ค. 2557) แหล่งข้อมูล: URL:http://www.korathealth.com/basedata/index.php.
4. ประเสริฐ อัสสันตชัย. ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุและการป้องกัน. ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล. กรุงเทพฯ: บริษัท ยูเนี่ยนครีเอชั่น จำกัด; 2552.
5. ทิพวรรณ วงษา. คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในเครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา. [การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง สม. สาขาวิชาการจัดการบริการสุขภาพปฐมภูมิ]. พิษณุโลก : มหาวิทยาลัยนเรศวร ; 2555.
6. Beswick AD, Rees K, Dieppe P, Ayis S, Gooberman-Hill R, Horwood J, Ebrahim S. Complex interventions to improve physical function and maintain independent living in elderly people: a systematic review and meta-analysis. Lancet 2008;371:725-35.
7. Ellis G, Whitehead MA, Robinson D, O’Neill D, Langhorne P. Comprehensive geriatric assessment for older adults admitted to hospital: meta-analysis of randomized controlled trials. BMJ 2011 Oct 27;343:d6553. doi: 10.1136/bmj.d6553.
8. Trentini M, Semeraro S, Motta M. Effectiveness of geriatric evaluation and care. One-year results of a multicenter randomized clinical trial. Aging (Milano) 2001;13(5):395-405.
9. Bula CJ, Berod AC, Stuck AE, Alessi CA, Aronow HU, Santos-Eggimann B, SantosEggimann B, et al. Effectiveness of preventive in-home geriatric assessment in well
functioning, community-dwelling older people: secondary analysis of a randomized trial. Journal of The American Geriatrics Society 1999;47:389-95.
10. Burns R, Nichols LO, Martindale-Adams J, Graney MJ. Interdisciplinary geriatric primary care evaluation and management: two-year outcomes. Journal of The American Geriatrics Society. 2000;48:8-13.
11. อุทัย สุดสุข. โครงการศึกษาสถานการณ์ความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน ความต้องการ และคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ. กรุงเทพมหานคร:สมาคมคลังปัญญาอาวุโสแห่งประเทศไทย. 2552:1-85.
12. บุษกร โลหารชุน, ปานจิต วรรณภิระ, จินตนา ปาลิวนิช, กัญญารัตน์ ค้ำจุน. ความน่าเชื่อถือของการประเมินผู้ป่วยอัมพาตจากโรคหลอดเลือดสมองด้วยแบบประเมิน Modified Bathel Index ฉบับภาษาไทย. พุทธชินราชเวชสาร 2551;25(3):842-51.
13. Manote Lotrakul, Sutida Sumrithe, Ratana Saipanish. Reliability and validity of the Thai version of the PHQ-9. BMC Psychiatr 2008;46:(8): 1-7.doi:10.1186/1471-244X-8-46.
14. อภิญญา กังสนารักษ์, นัยพินิจ คชภักดี. แบบการตรวจสภาพจิตแบบย่อ(MMSE) และแบบประเมินอาการสมองเสื่อมทางคลินิค(CDR) สำหรับผู้สูงอายุในชุมชน. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย 2534;36:89-96.
15. สำนักส่งเสริมและพิทักษ์ผู้สูงอายุ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ. คู่มือแนวทางในการจัดการปัญหาความรุนแรงต่อผู้สูงอายุ. กรุงเทพมหานคร: กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์; 2555.
16. วิชัย เอกพลากร. การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 4 พ.ศ. 2551-2. กรุงเทพฯ:บริษัท เดอะกราพิโก ซิสเต็มส์ จำกัด; 2554.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2019-01-21

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ต่างศรี ส. สุขภาวะองค์รวมของผู้สูงอายุกลุ่มติดบ้านและติดเตียง อำเภอจักราช จังหวัดนครราชสีมา. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 21 มกราคม 2019 [อ้างถึง 30 ธันวาคม 2025];5(3):291-303. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/167234

ฉบับ

ประเภทบทความ

นิพนธ์ต้นฉบับ