ผลของการส่งเสริมเจตคติต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิด ของหญิงหลังคลอดอายุน้อยกว่า 20 ปี ในโรงพยาบาลบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

บทคัดย่อ

     การตั้งครรภ์ซ้ำในหญิงหลังคลอดอายุน้อยกว่า 20 ปี ส่งผลกระทบทั้งด้านร่างกายจิตใจอารมณ์และสังคมยาฝังคุมกำเนิดจึงเป็นวิธีคุมกำเนิดที่บรรจุเป็นแผนงานระดับประเทศเพื่อลดอัตราการตั้งครรภ์ซ้ำ การวิจัยแบบกึ่งทดลองชนิดสองกลุ่มวัดผลหลังทดสอบนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบเจตคติต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิดและอัตราการใช้ยาฝังคุมกำเนิดของหญิงหลังคลอดอายุน้อยกว่า 20 ปีระหว่างกลุ่มที่ได้รับการส่งเสริมเจตคติฯ และกลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ โดยเลือกหญิงหลังคลอดอายุน้อยกว่า 20 ปี แบบโควตา 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับการส่งเสริมเจตคติฯ และกลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติกลุ่มละ 30 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบเก็บข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามเจตคติต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิด (ดัดแปลงจากแบบสอบถามทัศนคติของผู้หญิงเกี่ยวกับวิธีคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวร) และแบบสอบถามความตั้งใจต่อการใช้ฝังยาคุมกำเนิด ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่น 0.77 และ 0.82 ตามลำดับ นำเสนอข้อมูลเป็นค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างกลุ่มด้วยการทดสอบ Fisher’s exact, chi square และ independent กำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 พบว่าการส่งเสริมเจตคติฯ เพิ่มคะแนนเฉลี่ยเจตคติต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิด [35.90±2.10, 20.26±1.79 (p<0.001) และคะแนนเฉลี่ยความตั้งใจต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิด [19.06±0.63, 10.13±0.86 (p<0.001)] อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติโดยอัตราการใช้ยาฝังคุมกำเนิดในกลุ่มที่ได้รับการส่งเสริมเจตคติฯ สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ [23 คน (ร้อยละ 93.3), 6 คน (ร้อยละ 20.0);(p<0.001)] จึงควรใช้แผนการส่งเสริมเจตคติต่อการใช้ยาฝังคุมกำเนิดในงานบริการวางแผนครอบครัวเพื่อลดอัตราตั้งครรภ์ซ้ำในหญิงหลังคลอด
อายุน้อยกว่า 20 ปี