รูปแบบการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรโดยขบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจ ในกลุ่มบุคลากรเจนเนอเรชั่นวาย กรมอนามัย
คำสำคัญ:
วัฒนธรรมองค์กร, เสริมสร้างพลังอำนาจบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (quasi-experimental research) แบบหนึ่งกลุ่มวัดผลก่อนหลัง การทดลอง (one group Pre-post test design) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร กรมอนามัยโดยขบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจในบุคลากรกลุ่มเจนเนอเรชั่นวาย กลุ่มตัวอย่าง คือ บุคลากรกลุ่มเจนเนอเรชั่นวายของกรมอนามัย เลือกโดยจำเพาะเจาะจง จำนวน 60 คน เครื่องมือในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลบุคคล แบบสอบถามความเข้าใจต่อความหมายของวัฒนธรรมองค์กรและแบบสอบถามความคิดเห็นต่อหลักการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ โปรแกรมการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร โดยใช้ทฤษฎีการเสริมพลังอำนาจของ J.Lord ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นทบทวนประสบการณ์และปัญหา 2) ขั้นสร้างกิจกรรม ความตระหนัก 3) ขั้นพัฒนาทักษะ 4) ขั้นรวมกลุ่มและขยายผล และ 5) ขั้นประเมินผล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่และ Paired t-test
ผลการวิจัย พบว่า รูปแบบการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร กรมอนามัย มีข้อสรุปได้ดังนี้คือ องค์ประกอบของการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร นั้นมีองค์ประกอบ 7 ประการด้วยกัน คือ (1) การบริหารที่เน้นการกระจายอำนาจการตัดสินใจให้กลุ่มบุคลากรในเจนเนอเรชั่นต่างๆ (2) การวางระบบการทำงาน (3) การเพิ่มช่องทางให้กลุ่มบุคลากรในเจนเนอเรชั่นต่างๆ มีอำนาจต่อรองในการลดความขัดแย้งและสร้างความเข้าใจกัน (4) การสร้างบรรยากาศให้มีการสื่อสารแบบเปิดและเป็นประชาธิปไตยระหว่างกลุ่มบุคลากรในเจนเนอเรชั่นต่างๆ กับผู้บริหาร (5) การพัฒนาความรู้และทักษะใหม่ๆ ให้กับกลุ่มบุคลากร (6) การสร้างทีมทำงานให้เกิดขึ้นในระดับกลุ่มงานต่างๆ และ (7) การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ด้วยการให้รางวัล เป็นต้น ส่วนประสิทธิผล หลังจากผ่านขบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจแล้วนั้นพบว่า มีความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายและหลักการสร้างวัฒนธรรมองค์กร สูงกว่าก่อนการเข้าร่วมกระบวนการอย่างมี
นัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 และผลจากกระบวนการโดยการระดมสมองเพื่อจัดทำพฤติกรรมบ่งชี้โดยใช้วัฒนธรรมองค์กรของกระทรวงสาธารณสุขเป็นหลัก คือ MOPH มาเป็นพฤติกรรมบ่งชี้วัฒนธรรมองค์กร กรมอนามัยคือ HEALTH และมีทักษะในการเป็นแกนนำการรณรงค์ให้ ความรู้และสร้างเครือข่าย ค่านิยมวัฒนธรรมองค์กรอีกทั้งยังสามารถรวมกลุ่ม วางแผนจัดกิจกรรมในการรณรงค์อย่างต่อเนื่องได้ต่อไป
เอกสารอ้างอิง
2. กองแผนงาน กรมอนามัย. แผนยุทธศาสตร์พัฒนาระบบส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม ตามแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564). นนทบุรี: กรมอนามัย; 2559.
3. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ประกาศกรมอนามัยเรื่องวัฒนธรรมกรมอนามัย. นนทบุรี: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2549.
4. ธงชัย เลิศวิไงรัตนพงศ์. เอกสารนำเสนอเรื่อง ร่าง-แผนยุทธศาสตร์ HR. นนทบุรี: กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2559.
5. Lord, J. Lives intransition: the process of personal empowerment. Hull Quebec : Disabled Persons Participation Program, Secretary of State; 1991.
6. สุนีย์ เอมดวงดี. วัฒนธรรมองค์กรกับประสิทธิภาพของการบริหารจัดการ: กรณีศึกษา สำนักงานเขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร. ม.ป.ท.; 2554.
7. ปริโสทัต บุณณภูมิ. การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการยอมรับวัฒนธรรมองค์กรและความผูกพัน ของ Generation X และ Y: กรณีศึกษาบริษัทเจริญโภคภัณฑ์. กรุงเทพฯ: เครือเจริญโภคภัณฑ์; 2554.
8. ปรารถนา ศรนุวัตร, ประจวบ เพิ่มสุวรรณ. ปัจจัยของคนเจนเนอเรชั่นวายที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร. [วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต] ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยกรุงเทพ; 2556.
9. พรรณวดี สถิตถาวร, ประจวบ เพิ่มสุวรรณ. ทัศนคติของคนรุ่น Gen Y ต่อการทำงานในระบบราชการ. [วิทยานิพนธ์ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต]. ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยกรุงเทพ; 2552.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง