ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส ของผู้บริหารภาครัฐ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ผู้แต่ง

  • พิทยา ไพบูลย์ศิริ สำานักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กระทรวงสาธารณสุข

บทคัดย่อ

   การวิจัยเชิงพรรณนา ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง แบบตัดขวาง (Cross-sectional Descriptive Studies) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคล ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของผู้บริหารภาครัฐ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริหารระดับจังหวัดภาครัฐจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 84 รายเก็บข้อมูลรวบรวมระหว่าง มกราคม-มีนาคม 2561 เครื่องมือวิจัยได้แก่ แบบประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส ของกลุ่มวัยทำงานอายุ 15-59 ปี ของกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและทดสอบความสัมพันธ์ด้วยสถิติexact และสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของสเปียร์แมน
   ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความรอบรู้ด้านสุขภาพในระดับพอใช้คิดเป็นร้อยละ 73.81 และมีพฤติกรรมสุขภาพในระดับพอใช้คิดเป็นร้อยละ 52.38 ไม่พบนัยสำคัญทางสถิติในการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความรอบรู้ด้านสุขภาพ และพบว่าความรอบรู้ด้านสุขภาพมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r=.4824, p=<.001) ผลการศึกษานี้จะใช้เป็นข้อมูลเพื่อเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของผู้บริหารภาครัฐต่อไป

เอกสารอ้างอิง

1. World Health Organization. Health Promotion Glossary. 1998 [Internet] [cited 2017 Dec 27] Available from: https://www.who.int/healthpromotion/about/HPR%20Glossary%201998.pdf
2. Roopa Mahadevan. Center for Health Care Strategies. October 2013 Fact Sheet [Internet] [cited 2017 Dec 27] Available from: https://www.chcs.org/media/What_is_Health_Literacy.pdf.
3. Nutbeam D. The evolving concept of health literacy. Soc Sci Med 2008 Dec;67(12):2072-8.
4. Berkman ND, Sheridan SL, Donahue KE, Halpern DJ, Crotty K. Low health literacy and health outcomes: an updated systematic review. Ann Intern Med 2011 Jul 19;155(2): 97-107.
5. Cho YI, Lee SY, Arozullah AM, Crittenden KS. Effects of health literacy on health status and health service utilization amongst the elderly. Soc Sci Med 2008 Apr;66(8):1809-16.
6. Lee SY, Arozullah AM, Cho YI. Health literacy, social support, and health: a research agenda. Soc Sci Med 2004 Apr;58(7):1309-21.
7. Nutbeam D. Health literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century. Health Promotion International 2000 September 1, 2000;15(3):259-67.
8. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กระทรวงสาธารณสุข. รายงานประจำปี 2557-2559. พระนครศรีอยุธยา: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา. 2560.
9. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. การเสริมสร้างและประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ กลุ่มเด็กวัยเรียน กลุ่มวัยทำงาน. กรุงเทพฯ: บริษัทนิวธรรมดา การพิมพ์ (ประเทศไทย) จำกัด; มกราคม 2559.
10. ดิเรก ลิ้มมธุรสกุล. การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม Stata 10. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2554. หน้า 303.
11. Reisi M, Javadzade SH, Heydarabadi AB, Mostafavi F, Tavassoli E, Sharifirad G. The relationship between functional health literacy and health promoting behaviors among older adults. Journal of Education and Health Promotion 2014;3:119.
12. Suka M, Odajima T, Okamoto M, Sumitani M, Igarashi A, Ishikawa H, et al. Relationship between health literacy, health information access, health behavior, and health status in Japanese people. Patient Educ Couns 2015 May;98(5):660-8.
13. Cindy Brach, Debra Keller, Lyla M. Hernandez, Cynthia Baur, Ruth Parker, Benard Dreyer, et al. Ten attributes of health literate health care organizations. Institute of medicine of the national academes. June 2012.
14. สำนักงานโครงการขับเคลื่อนกรมอนามัย 4.0 เพื่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของประชาชน กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. วันที่เข้าถึง 27 ธันวาคม 2560 Fact sheet เข้าถึงได้จาก: https://dohhl.anamai.moph.go.th/download/2561/HLO_fact%20sheet_oct 2017.pdf
15. คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ. การปฏิรูปความรอบรู้และการสื่อสารสุขภาพ (ร่างแนวทางการขับเคลื่อนความรอบรู้ด้านสุขภาพและการสื่อสารด้านสุขภาพ). พฤศจิกายน 2559.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-06-01

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ไพบูลย์ศิริ พ. ความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ 3อ 2ส ของผู้บริหารภาครัฐ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 1 มิถุนายน 2018 [อ้างถึง 28 ธันวาคม 2025];8(1):97-107. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/126619

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย