อัตราการเลิกใช้ยาฝังคุมกำเนิดของวัยรุ่นหลังคลอด พ.ศ. 2558-2560
บทคัดย่อ
การตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเป็นปัญหาที่สำคัญ ปี พ.ศ. 2559 จังหวัดสระบุรีมีอัตราคลอดมีชีพในหญิงอายุ 15-19 ปี 54.1 ต่อประชากรหญิงอายุ 15-19 ปี 1,000 คน ซึ่งสูงเกินเป้าหมายของประเทศ อีกทั้งรัฐบาลได้จัดบริการฝังยาคุมกำเนิดโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี การศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจอัตราการเลิกใช้ยาฝังคุมกำเนิดของวัยรุ่นที่ฝังยาคุมกำเนิดหลังคลอดในระยะเวลาหนึ่งปี เหตุผลที่เลิกใช้ และอัตราการตั้งครรภ์ หลังเลิกใช้โดยศึกษาข้อมูลย้อนหลังของหญิงตั้งครรภ์อายุน้อยกว่า 20 ปี ที่มาคลอดบุตรและฝังยาคุมกำเนิด ระหว่างเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 ณ โรงพยาบาลสระบุรี พบว่ามีวัยรุ่นฝังยาคุมกำเนิดหลังคลอด 489 คน ติดต่อได้ 121 คน (ร้อยละ 24.7) อัตราการเลิกใช้ยาฝังฯ ในระยะเวลา 1 ปี ร้อยละ 1.7 (2 คน ใน 121 คน) ซึ่งเหตุผลที่เลิกใช้ยาฝังฯ ได้แก่ เลือดออกช่องคลอดผิดปกติน้ำหนักเพิ่มขึ้น และปวดศีรษะ แต่ไม่พบการตั้งครรภ์หลังเลิกใช้ยาฝังฯ เนื่องจากเปลี่ยนเป็นกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ทั้งนี้ผู้ที่เลิกใช้ยาฝังฯ ไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยาฝังฯ ดังนั้นแพทย์/พยาบาลควรอธิบายผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นก่อนฝังยาคุมกำเนิดเพื่อคงอัตราการฝังยาคุมกำเนิด 5 ปี ให้คุ้มค่าต่องบประมาณของรัฐ
เอกสารอ้างอิง
2. สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. สถิติการคลอดของแม่วัยรุ่นประเทศไทยปี พ.ศ. 2558. Statistics on adolescent births, Thailand 2015. ใน:บุญฤทธิ์ สุขรัตน์, ปิยะรัตน์ เอี่ยมคง, บรรณาธิการ. นนทบุรี: สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข; 2560. หน้า 3-178.
3. สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. ร่างยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับชาติ พ.ศ. 2560-2569 ตามพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น [อินเทอร์เน็ต]. 2559 [เข้าถึงเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2561]. เข้าถึงได้จาก: https://rh.anamai.moph.go.th/
4. สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. โครงการวิจัยการบริหารจัดการระบบการวางแผนครอบครัวประเทศไทย วรรณกรรมที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการวางแผนครอบครัว [อินเทอร์เน็ต].
2552 [เข้าถึงเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2561]. เข้าถึงได้จาก:https://rhold.anamai.moph.go.th/
5. สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. การจัดบริการคุมกำเนิดของโรงพยาบาลในประเทศไทย พ.ศ. 2558 [อินเทอร์เน็ต]. 2557 [เข้าถึงเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2561]. เข้าถึงได้จาก: https://rh.anamai.moph.go.th/
6. สำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. ลดปัญหาแม่วัยรุ่น สปสช. กรมอนามัย ให้ยาฝังคุมกำเนิดและห่วงอนามัยฟรี [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [เข้าถึงเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2561]. เข้าถึงได้จาก: https://www.nhso.go.th/
7. Laphikanont W, Taneepanichskul S.Effects of Jadelle used in Thai women aged between 20 and 45 years in King Chulalongkorn Memorial Hospital. J Med Assoc Thai 2006;89(6): 761-6.
8. Cohen R, Sheeder J, Arango N, Teal S, Tocce K. Twelve-month contraceptive continuation and repeat pregnancy among young mothers choosing postdelivery contraceptive implants or postplacental intrauterine devices. Contraception 2016;93:178-83.
9. Diedrich J, Klein DA, Peipert JF. Long-acting reversible contraception in adolescents: a systematic review and meta-analysis. Am J Obstet Gynecol 2017;216(4):364.e1-364.e12.
10. Apter D, Briggs P, Tuppurainen M, Grunert J, Lukkari-Lax E, Rybowski S, et al. A 12-month multicenter, randomized study comparing the levonorgestrel intrauterine system with the etonogestrel subdermal implant. Fertil Steril 2016;106(1):151-7.
11. คลินิกวางแผนครอบครัว. อัตราการหยุดใช้วิธีการคุมกำเนิดชั่วคราวของผู้หญิงไทยที่เข้ารับบริการ ณ คลินิกวางแผนครอบครัวในระยะเวลาหนึ่งปี. กรุงเทพฯ: ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2557.
12. Chaovisitsaree S, Piyamongkol W, Pongsatha S, Morakote N, Noium S, Soonthornlimsiri N. One year study of Implanon on the adverse events and discontinuation. J Med Assoc Thai 2005;88(3):314-7.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง