ความฉลาดทางสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เข้ารับบริการ ณ ศูนย์เวชปฏิบัติครอบครัว โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
บทคัดย่อ
โรคเบาหวานเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ที่ต้องอาศัยการควบคุมโรคไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย การมีความฉลาดทางสุขภาพ (Health Literacy) จะทําให้ผู้ป่วยสามารถสื่อสารกับแพทย์ได้อย่างถูกต้อง และเพื่อควบคุมโรคได้ดียิ่งขึ้น การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความฉลาดทางสุขภาพ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่เข้ารับบริการ ณ ศูนย์เวชปฏิบัติครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
รูปแบบวิธีการศึกษาเป็นการศึกษาเชิงสํารวจแบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional Study) เก็บข้อมูลจากผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จํานวน 133 คน ณ ศูนย์เวชปฏิบัติครอบครัว โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ระหว่างเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2560 โดยใช้การสุ่มจากผู้ที่ได้บัตรคิวเลขคู่ เครื่องมือทดสอบ คือ แบบวัดความรู้แจ้งแตกฉานด้านสุขภาพสําหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงของ กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล นํามาวิเคราะห์โดยการใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติอนุมาน คือ การทดสอบไค-สแควร์ หรือ การทดสอบของฟิชเชอร์
ผลการศึกษาประเมินทั้งระดับความรู้แจ้งและระดับความแตกฉาน โดยพบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีระดับความรู้แจ้งอยู่ในระดับรู้แจ้ง คิดเป็นร้อยละ 19.5 และระดับรู้จัก คิดเป็นร้อยละ 80.5 และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับระดับความรู้แจ้งของผู้ป่วยเบาหวานอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ คือ อายุ เพศ ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ และโรคความดันโลหิตสูง (p-value<0.05) สําหรับระดับแตกฉานหรือพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวาน พบว่ามีผู้ที่อยู่ในระดับแตกฉาน คือ ปฏิบัติทุกพฤติกรรม (3อ2ส) 3 วันต่อสัปดาห์ขึ้นไปเพียงร้อยละ 21.1 โดยพบว่าระดับความรู้แจ้งมีความสัมพันธ์กับระดับความแตกฉานอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p-value<0.001) ข้อมูลที่ได้จะนําไปใช้ในการวางแผนเสริมสร้างความฉลาดทางสุขภาพ และจะนําไปพัฒนาบริการคลินิกโรคเรื้อรัง ณ ศูนย์เวชปฏิบัติครอบครัว โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ให้เหมาะสมต่อไป
เอกสารอ้างอิง
2. Nutbeam D. Health literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21 st century. Health promotion international 2000;15(3):259-67.
3. ขวัญเมือง แก้วดําเกิง, นฤมล ตรีเพชรศรีอุทัย. ความฉลาดทางสุขภาพ. นนทบุรี: กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ; 2554.
4. วิชัย เอกพลากร. รายงานการสํารวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2557. นนทบุรี: สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข; 2557.
5. ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์. แนวทางเวชปฏิบัติสําหรับโรคเบาหวาน 2560. กรุงเทพฯ: ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์; 2560.
6. ชะนวนทอง ธนสุกาญจน์, นรีมาลย์ นีละไพจิตร. การพัฒนาเครื่องมือวัดความรู้แจ้งแตกฉานด้านสุขภาพ (Health literacy) สําหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง. นนทบุรี: กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข; 2558.
7. ชะนวนทอง ธนสุกาญจน์, นรีมาลย์ นีละไพจิตร. การสํารวจความรู้แจ้งแตกฉานด้านสุขภาพ (Health literacy) ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง. นนทบุรี: กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข; 2559.
8. Kickbusch IS. Health literacy: addressing the health and education divide. Health promotion international 2001;16(3):289-97.
9. Nielsen-Bohlman L, Panzer AM, Kindig DA, editors. Health literacy : a prescription to end confusion. Washington, D.C.: Institute of Medicine; 2004.
10. Martin LT, Ruder T, Escarce JJ, Ghosh-Dastidar B, Sherman D, Elliott M, et al. Developing predictive models of health literacy. Journal of general internal medicine. 2009;24(11): 1211-6.
11. นงลักษณ์ แก้วทอง, ลักขณา เติมศิริกุลชัย, ประสิทธิ์ ลีระพันธ์, ธราดล เก่งการพานิช, ขวัญเมือง แก้วดําเกิง. ความแตกฉานด้านสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตําบลบ้านหนองหอย จังหวัดสระแก้ว. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี กรุงเทพ. 2557;30(1):45-56.
12. เบญจมาศ สุรมิตรไมตรี. รายงานการศึกษาส่วนบุคคล เรื่อง การศึกษาความฉลาดทางสุขภาพ (Health Literacy) และสถานการณ์การดําเนินงานสร้างเสริมความฉลาดทางสุขภาพของคนไทยเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน. กรุงเทพฯ: สถาบันการต่างประเทศเทวะวงศ์วโรปการ กระทรวงการต่างประเทศ; 2556.
13. Schillinger D, Grumbach K, Piette J, Wang F, Osmond D, Daher C, et al. Association of health literacy with diabetes outcomes. JAMA 2002;288(4):475-82.
14. Berkman ND, Sheridan SL, Donahue KE, Halpern DJ, Crotty K. Low health literacy and health outcomes: an updated systematic review. Annals of internal medicine 2011;155(2): 97-107.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง