การพัฒนารูปแบบการจัดบริการคลินิกโรคเรื้อรัง (เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง) ในหน่วยบริการปฐมภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี

ผู้แต่ง

  • วนิดา สาดตระกูลวัฒนา โรงพยาบาลสิงห์บุรี อำาเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี

บทคัดย่อ

           การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดบริการคลินิกโรคเรื้อรังที่หน่วยบริการปฐมภูมิอำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี และประเมินผลรูปแบบการจัดบริการคลินิกโรคเรื้อรังที่หน่วยบริการปฐมภูมิ พื้นที่ศึกษาได้แก่ หน่วยบริการปฐมภูมิในอำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรีทุกแห่ง จำนวน 11 แห่งการดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 6 ระยะประกอบด้วย ระยะที่ 1 การเตรียมการวิจัย ระยะที่ 2 การวิเคราะห์สถานการณ์ ระยะที่ 3 การจัดทำแผน เป็นขั้นตอนที่ทีมวิจัยและกลุ่มผู้ให้ข้อมูลร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการ ด้วยการระดมสมอง ระยะที่ 4 การนำแผนไปสู่การปฏิบัติ เป็นขั้นที่ทีมวิจัยร่วมกันนำแผนไปปฏิบัติ ระยะที่ 5 การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน ระยะที่ 6 การสรุปผล รวบรวมข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก การสังเกต การระดมสมอง การศึกษาเอกสาร บันทึกเสียง จดบันทึก วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติเชิงพรรณนา และข้อมูลเชิงคุณภาพวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา
          ผลการวิจัยพบว่า มีรูปแบบการจัดบริการคลินิกโรคเรื้อรังที่หน่วยบริการปฐมภูมิอำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งประกอบด้วย 6 องค์ประกอบคือ 1) มีทิศทางนโยบาย เป้าหมายที่ชัดเจนและสอดคล้อง 2) มีการจัดการระบบการสารสนเทศที่เหมาะสม 3) มีการปรับระบบและกระบวนการบริการโดยใช้แนวคิดปิงปองจราจรชีวิต 7 สี 4) เกิดมีส่วนร่วมของชุมชนในการร่วมดำเนินการ 5) บุคลากรที่หน่วยบริการปฐมภูมิเกิดความมั่นใจในการให้บริการและปฏิบัติตามแนวทางการดูแลผู้ป่วยได้ถูกต้อง และ 6) มีการสนับสนุนการดูแลตนเองของชุมชน ผลการดำเนินงานตามรูปแบบที่สร้างขึ้น ทำให้ลดความแออัดในโรงพยาบาลทั่วไปถึงร้อยละ 25 บุคลากรผู้ให้บริการในระดับปฐมภูมิมีความรู้ เข้าใจ และมีทักษะในการดำเนินงานในคลินิกโรคเรื้อรังในระดับปฐมภูมิ ส่งผลให้เกิดรูปแบบการจัดบริการคลินิกโรคเรื้อรังที่หน่วยบริการปฐมภูมิอำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรีที่มีมาตรฐาน ทำให้โรงพยาบาลสิงห์บุรีสามารถกระจายผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงที่ไปรับบริการที่หน่วยบริการระดับปฐมภูมิได้ จึงช่วยลดความแออัดผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในโรงพยาบาลทั่วไป

เอกสารอ้างอิง

1. สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานประจำปี 2558. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์; 2558.
2. โรงพยาบาลสิงห์บุรี. รายงานผลการดำเนินงานการตรวจราชการและนิเทศงานประจำปี 2560. สิงห์บุรี: โรงพยาบาลสิงห์บุรี; 2560.
3. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ. คู่มือบริหารงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2560. กรุงเทพฯ: แสงจันทร์การพิมพ์; 2560.
4. สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. รายงานประจำปี 2555. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์; 2555.
5. สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 พ.ศ. 2555-2559. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก; 2555.
6. สุพัตรา ศรีวณิชชากร. เพิ่มประสิทธิผลการจัดการโรคเรื้อรังกรณีโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง. กรุงเทพฯ: พีเอลีฟวิ่ง; 2555.
7. วิชัย เทียนถาวร. ระบบการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในประเทศไทย: นโยบายสู่การปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: นิวธรรมดาการพิมพ์; 2555.
8. สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองสิงห์บุรี. รายงานประจำเดือนปี 2559. สิงห์บุรี: สำนักงานสาธารณสุข อำเภอเมืองสิงห์บุรี; 2559.
9. Kemmis, S., & McTaggart, R. The action reseach planner. Geelong, Australia: Deakin University Press; 1988.
10. จุรีพร คงประเสริฐ. แนวพัฒนาการดำเนินงานคลินิก NCD คุณภาพโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในหน่วยบริการปฐมภูมิ. นนทบุรี: สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค; 2558
11. โรงพยาบาลสิงห์บุรี. รายงานผลการดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของโรงพยาบาล สิงห์บุรี: โรงพยาบาลสิงห์บุรี; 2560.
12. เกสร สำเภาทอง และลภัสรดา หนุ่มคำ. ความรู้ ทักษะ และความต้องการการพัฒนาด้านการส่งเสริมสุขภาพของพยาบาลปฏิบัติงานการส่งเสริมสุขภาพในกรุงเทพและปริมณฑล. วารสารพยาบาล 2550; 56(1-2): 62-70.
13. กันตภณ เชื้อฮ้อ และคณะ. การพัฒนาคลินิกโรคไม่ติดต่อเรื้อรังคุณภาพในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ตามกรอบแนวคิด 7s ของแมคเคนซีย์: บทบาทที่ท้าทายของพยาบาลเวชปฏิบัติ. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า 2560; 34(3): 247-258.
14. ธนาฒย์ อามาตย์มุลตรี และคณะ. การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกู่จาน อำาเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร. วารสารเกื้อการุณย์ 2559; 23(2): 69-85.
15. ทิพมาส ชิณวงศ์. การจัดการรายกรณีผู้ที่เป็นเบาหวานและความดันโลหิตสูงในชุมชน. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ 2560; 37(1): 148-157.
16. พูลสิทธิ์ ศีติสาร และนิโลบล จุลภาค. การพัฒนาแนวทางการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง จังหวัดอุทัยธานี. วารสารวิชาการสาธารณสุข 2557; 23(1): 181-184.
17. สมใจ วินิจกุล และนิตยา สุขชัยสงค์. ประสิทธิผลการใช้โปรแกรมกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการสร้างเสริมสุขภาพและการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. วารสารเกื้อการุณย์ 2556; 20(2): 84-99.
18. เสาวนีย์ วรรลออ และคณะ. แรงสนับสนุนจากครอบครัวตามการรับรู้ของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้. วารสารพยาบาลรามาธิบดี 2555; 18(3): 372-388.
19. นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์. การดูแลผู้ป่วยเรื้อรังในบริการปฐมภูมิ. วารสารพยาบาลสาธารณสุข 2559; 30(1): (113-126).

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2018-05-31

รูปแบบการอ้างอิง

1.
สาดตระกูลวัฒนา ว. การพัฒนารูปแบบการจัดบริการคลินิกโรคเรื้อรัง (เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง) ในหน่วยบริการปฐมภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี. JPMAT [อินเทอร์เน็ต]. 31 พฤษภาคม 2018 [อ้างถึง 27 ธันวาคม 2025];8(1):24-36. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/JPMAT/article/view/126373

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย