ผลของโปรแกรมการให้คำปรึกษาโดยประยุกต์เทคนิคการสัมภาษณ์ เพื่อสร้างแรงจูงใจและแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ ที่มีต่อพฤติกรรมการลดน้ำหนักของพนักงาน บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน)
คำสำคัญ:
โปรแกรมการให้คำปรึกษา, พฤติกรรมการลดน้ำหนัก, เทคนิคการสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจ, แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (quasi-experimental research) เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการให้คำปรึกษาโดยประยุกต์เทคนิคการสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจและแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพที่มีต่อพฤติกรรมการลดน้ำหนักของพนักงานบริษัทควอลิตี้คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) กลุ่มตัวอย่างเป็นพนักงาน จำนวน 20 คน ที่ปฏิบัติงานอยู่ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่มตัวอย่างจะได้รับโปรแกรมการให้คำปรึกษาซึ่งประกอบด้วย 3 กิจกรรม เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลได้แก่แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวแบบวัดซ้ำ (One Way Analysis of Variance with Repeated Measures) ผลการวิจัยพบว่า
1. หลังได้รับโปรแกรมการให้คำปรึกษา การรับรู้โอกาสเสี่ยงของโรคอ้วน การรับรู้ความรุนแรงของโรคอ้วน การรับรู้ประโยชน์ของการป้องกันโรคอ้วน และแรงจูงใจด้านสุขภาพของพนักงานเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่การรับรู้อุปสรรคของการป้องกันโรคอ้วนไม่แตกต่างจากก่อนได้รับโปรแกรมการให้คำปรึกษา
2. หลังได้รับโปรแกรมการให้คำปรึกษา พฤติกรรมการลดน้ำหนักของพนักงานเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่น้ำหนักตัวไม่แตกต่างจากก่อนได้รับโปรแกรมการให้คำปรึกษา
References
2. ชัยชาญ ดีโรจนวงค์. Metabolic syndrome. วารสารหมอชาวบ้าน, 2550;276(10):11-17.
3. สง่า ดามาพงษ์. คู่มือคนไทย ขยับกับ กิน. กรุงเทพฯ: องค์การสงเคราะห์ ทหารผ่านศึก. 2550.
4. วิชัย เอกพลากร. บรรณาธิการ. การสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 4 พ.ศ.2551-2. นนทบุรี: บริษัทเดอะกราฟฟิโก ซิสเต็มส์ จำกัด.2553.
5. กรมอนามัย, กองโภชนาการ. สถานการณ์โรคอ้วนในประเทศไทย 2550. (Online). (วันที่ค้นข้อมูล 1 มกราคม 2556) แหล่งข้อมูล : URL: http://advisor.anamai.moph.go.th.
6. โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา, กลุ่มงานสุขศึกษา. เอกสารรายงานประจำปี 2553. พระนครศรีอยุธยา : โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา. 2554.
7. Marshall Becker and Maiman. “The Health Belief Model and Personal Health Behavior”. Health Education Monographs. 1975:2(4):12. (Online). (cited 2010 January 31). Available From : URL : http://www.chcr.umich.edu/health.theories.com
8. Prochaska and Diclemente. Motivational Interviewing Procedure and Stages of Change. 1991. (online). (cited 2010 January 31). Available From: URL : http://www.motivationalinterview.org/
9. อนันต์ ไชยกุลวัฒนา และ ชัยสิทธิ์ สุนทรา. ผลของโปรแกรมสุขศึกษาเพื่อพัฒนาการรู้เท่าทันสื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลดน้ำหนัก ในกลุ่มตัวอย่างนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ศรีนครินทร์เวชสาร 2554;26(1):25-34.
10. รัตนา ยอดพรหมมินทร์ และ เกศแก้ว สอนดี. ผลของโปรแกรมสร้างพลัง โดยประยุกต์แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพในการส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ในประชาชนกลุ่มเสี่ยง อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี. วารสารพยาบาลสาธารณสุข 2554;25(20):79-89.
11. ปาริฉัตร พงษ์หาร, จรรจา สนตยากร, ปกรณ์ ประจัญบาน. วิโรจน์ วรรณภิระ. ผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพต่อพฤติกรรมการป้องกันอาการอ้วนลงพุงของอาสาสมัครสาธารณสุข. วารสารการพยาบาลและสุขภาพ 2011;5(3):54-64.
12. ญาตา แก่นเผือก, สุวรรณา จันทร์ประเสริฐ, วรรณิภา อัศวชัยสุวิกรม. ผลลัพธ์ของการกำกับตนเองในการรับประทานอาหารและ การเดินเร็วเพื่อควบคุมน้ำหนักของหญิงที่มีน้ำหนักเกิน. วารสารสาธารณสุขมหาวิทยาลัยบูรพา 2014;9(1):105-116.
13. ทัตติยา นครไชย. ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการกำกับตนเอง ในการลดน้ำหนักของพนักงานหญิงที่มีสภาวะอ้วน. วิทยานิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (การพยาบาลสาธารณสุข). บัณฑิตวิทยาลัย. กรุงเทพ : มหาวิทยาลัยมหิดล, 2554.
14. Melanson KJ, Summers A, Nguyen V, Brosnahan J, Lowndes J, Angelopoulos TJ, Rippe JM. Body composition, dietary composition, and components of metabolic syndrome in over weight and obese adults after a12-week trial on dietary treatments focused on portion control, energy density, or glycemic index. Nutrition Journal. 2012;(21):11:57.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ถือเป็นผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ วิจารณ์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้นิพนธ์ กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยเสมอไป และผู้นิพนธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง