พฤติกรรมการบริโภคอาหารและภาวะโภชนาการไอโอดีนของเด็กอายุ 3- 5 ปี
คำสำคัญ:
ภาวะโภชนาการไอโอดีน, พฤติกรรมการบริโภค, เด็กอายุ 3-5 ปีบทคัดย่อ
การสำรวจสถานการณ์การขาดสารไอโอดีนในกลุ่มเด็กอายุ 3-5 ปีของประเทศไทยโดยกรมอนามัย ปี 2554 - 2556 พบว่า เด็กกลุ่มนี้ไม่ขาดไอโอดีนและมีแนวโน้มจะได้รับไอโอดีนเกิน ซึ่งอาจจะนำไปสู่ภาวะคอพอกเป็นพิษและต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิต้านทานตนเอง วัตถุประสงค์การศึกษาเพื่อสำรวจพฤติกรรมการบริโภค ปริมาณไอโอดีนในอาหารที่เด็กชอบบริโภค ภาวะโภชนาการไอโอดีนและศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณไอโอดีนที่ได้รับต่อวันกับปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะ ดำเนินการในกลุ่มเด็กอายุ 3-5 ปี จาก 11 จังหวัดซึ่งเป็นตัวแทน 4ภาค เก็บข้อมูลที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสัมภาษณ์การบริโภคอาหาร เก็บปัสสาวะและอาหารเพื่อตรวจปริมาณไอโอดีน สัมภาษณ์ผู้ปกครองจำนวน 2,209 คน เป็นเพศหญิง 1,882 คน เพศชาย 327 คน ผลการศึกษาพบว่าอาหารที่เด็กบริโภคบ่อย 10 อันดับแรก คือ นมสดรสจืด ไข่ไก่ ขนมขบเคี้ยว น้ำหวาน ไส้กรอก นมเปรี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สาหร่ายปรุงรส เครื่องดื่มรสชอกโกแลตและลูกชิ้น โดยมีสัดส่วนของเด็กที่บริโภคร้อยละ 98.1, 91.3, 81.1, 66.5, 58.4, 56.1 ,48.5, 40.8, 38.6 และ37.9 ตามลำดับมีปริมาณไอโอดีนในอาหารเฉลี่ย 30.0, 91.2, 20.6, 0, 735.9, 10.7, 170.8, 1311.2, 0 และ13.3 ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัม ตามลำดับ ตรวจปัสสาวะเด็กทั้งหมด 2,622 คน มีค่ามัธยฐานปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะ 241.6 ไมโครกรัมต่อลิตร เมื่อจำแนกเป็นรายภาคพบว่า ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่ามัธยฐานปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะ 273.4, 248.3, 242.7 และ 221.8 ไมโครกรัมต่อลิตร ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่า เด็กอายุ 3-5 ปี ทุกภาคของประเทศไทยไม่ขาดสารไอโอดีน จากการศึกษาปริมาณอาหารที่เด็กบริโภคต่อวันและผลการตรวจปริมาณไอโอดีนในอาหาร กล่าวได้ว่า เด็กได้รับไอโอดีนจาก นมสดรสจืด ไข่ไก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และสาหร่ายปรุงรส อย่างไรก็ตามในการศึกษานี้ไม่พบความสัมพันธ์ของปริมาณไอโอดีนที่ได้รับจากอาหารแต่ละชนิดดังกล่าวกับปริมาณไอโอดีนในปัสสาวะ
เอกสารอ้างอิง
Zimmermann MB. Iodine deficiency. Endocrine Reviews. 2009;30:376-408.
World Health Organization, International Council for the Control of the Iodine Deficiency Disorders, United Nations Children Fund. Assessment of the iodine deficiency disorders and monitoring their elimination. 3rd ed. Geneva: WHO; 2007.
Zimmermann MB. Iodine requirements and the risks and benefits of correcting iodine deficiency in populations. J Trace Elem Med Biol. 2008;22:81-92.
นภาพรรณ วิริยะอุตสาหกุล. การควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน: เส้นทางสู่ความยั่งยืน.กรุงเทพมหานคร: สามเจริญพาณิชย์ (กรุงเทพ); 2559.
Pennington JA. Iodine toxicity. Springfield, VA: National Technical Information Service, US department of commerce; 1989.
Institute of Medicine, Food and Nutrition Board. Dietary reference intakes for vitamin A, vitamin K, arsenic, boron, chromium, copper, iodine, iron, manganese, molybdenum, nickel, silicon, vanadium, and zinc. Washington: National Academy Press; 2001.
Pennington JA. A review of iodine toxicity reports. J Am Diet Assoc. 1990;90:1571-81.
สำนักมาตรฐานสินค้าและระบบคุณภาพ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ. ข้อมูลการบริโภคอาหารของประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร: สำนักมาตรฐานสินค้าและระบบคุณภาพ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ; 2549.
Moxon RE, Dixon EJ. Semi-automatic method for the determination of total Iodine in food. Analyst. 1980;105:344-52.
Ohashi T, Yamaki M, Pandav CS, Karmarkar MG, Irie M. Simple microplate method for determination urinary iodine. Clinical Chemistry. 2000;46:529-36.
มันทนา ประทีปะเสน, เรวดี จงสุวัฒน์, สุจิตต์ สาลีพันธ์, พูนศรี เลิศลักขณวงศ์. รายงานการสำรวจภาวะอาหารและโภชนาการของประเทศไทย ครั้งที่ 5 พ.ศ.2546. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์; 2546.
Klunklin S, Channoonmuang K. Snack consumption in normal and undernourished preschool children in Northeastern Thailand. J Med Assoc Thai. 2006;89:706-13.
Wikipedia. Erythrosine [Internet]. 2012 [updated 2017 Oct 20; cited 2017 Dec 10]. Available from: https://en.wikipedia.org/wiki/Erythrosine
EFSA Panel on Food Additives and Nutrient Sources added to Food (ANS). Scientific opinion on the re-evaluation of Erythrosine (E 127) as a food additive. EFSA Journal. 2011;9(1):1854.
Rasmussen LB, Ovesen L, Bülow I, Jørgensen T, Knudsen N, Laurberg P, et al. Dietary iodine intake and urinary iodine excretion in a Danish population: effect of geography, supplements and food choice. Br J Nutr. 2002;87:61-9.
Vanderpump MP, Lazarus JH, Smyth PP, Laurberg P, Holder RL, Boelaert K, et.al. Iodine status of UK schoolgirls: a cross-sectional survey. Lancet. 2011;377:2007-12.
Iodine Global network. Global scorecard of Iodine Nutrition in 2017 in the general population and in pregnant women (PW) [Internet]. 2017 [updated 2017 May 30; cited 2018 May 25]. Available from: http://www.ign.org/scorecard.htm
วิชัย เอกพลากร. รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 4 พ.ศ.2551-2552. กรุงเทพมหานคร: เดอะกราฟิโก ซิสเต็มส์; 2552.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่เผยแพร่ในวารสารโภชนาการ เป็นลิขสิทธิ์ของสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ