FACTORS RELATED TO BREAST SELF-EXAMINATION BEHAVIOR AMONG WOMEN 30 – 70 YEARS IN NARATHIWAT PROVINCE
Keywords:
breast self-examination behavior, Breast CancerAbstract
Abstract
This research was a descriptive study to study knowledge, attitudes and factors affecting breast self-examination among women aged 30 - 70 years who received services at all sub-district hospitals and health promoting hospitals in Thailand. The number of 400 people in Narathiwat Province was calculated according to the Tarot Yamane formula and was randomized specifically by collecting samples in every district from women aged 30 – 70 who received services at all hospitals and sub-district health promoting hospitals. Total number of 124 places between 1 and 10 August 2022, 400 people were classified as follows: 2 general hospitals, 6 each, 12 people, 11 community hospitals, 5 each, 55 people each, 111 sub-district health promoting hospitals. 3 people, 333 people, a total of 400 people. The data collection was using a questionnaire. Analyzes were performed using descriptive statistics and inferential statistics. It was the Chi-squared test.
Which has been directly verified by experts and test your confidence with Cronbach's alpha method. Gain confidence The knowledge scale was 0.6 and the attitude was 0.58. Data were collected by giving the sample group to answer the questionnaire during 1-10 August 2022. The data were analyzed by descriptive statistics such as the number, percentage, mean and standard deviation. The research is as follows. Sample group The knowledge of cancer was at the moderate level 44.80 percent, the low level 37.30 percent and 18.00 percent of the high level (x ̅ =12.56, S.D. =3.25, Min =2, Max =20) attitudes about mammography self-examination were low at 95.80percent, moderate 3.00 percent, and high 1.30 percent. (x ̅ =14.08, S.D. = 2.46, Min =10, Max =27)and when testing the relationship, it was found that Personal factors such as income, occupation, were related to self-examination behavior of women aged 30-70 years in Narathiwat Province. At 0.05 level (p-value 0.003 0.016, respectively), it was found that attitude and knowledge were significantly related to self-examination behavior of women aged 30-70 years in Narathiwat Province. Statistically significant at the 0.05 level (p-value 0.000 0.47 respectively). Support from husband and relatives was significantly correlated with mammography self-examination behavior of women aged 30-70 years in Narathiwat Province with statistical significance at the 0.05 level (p-value 0.000).
Keywords: breast self-examination behavior, Breast Cancer , among women aged 30-70
years in narathiwat province
References
กระทรวงสาธารณสุข. (2547). แผนแม่บทการเฝ้าระวังและดูแลสตรีไทยจากโรคมะเร็งเต้านม (พ.ศ.2547- 2549) กระทรวงสาธารณสุข. นนทบุรี กรมการแพทย์. แผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็ง แห่งชาติ (พ.ศ. 2561 - 2565). กรุงเทพ :โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จํากัด.
จุฑารัตน์ สะธรรมกิจ,อุบล จันทร์เพชร และศิริลักษณ์ ขณะฤกษ์. (2557). พฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีไทยอายุ 30-70 ปี ในพื้นที่เขตบริการสุขภาพที่ 5. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข:กรุงเทพฯ.
ฐาพัชร์ลดา เกียรติเลิศเดชา, อารยา เชียงของ, ปราลีณา ทองศรี และอนงค์นุช สารจันทร์. (2564). ความรอบรู้ทางสุขภาพในการป้องกันโรคมะเร็งเต้านมและโรคมะเร็งปากมดลูก: กรณีศึกษาการสร้างเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพของสตรีวัยเจริญพันธุ์ในเขตกรุงเทพมหานคร.วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์,มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช.
ดวงตะวัน พรมมาศ, สุพัตรา อัศวไมตรี. (2564). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของหญิงอายุ 30 - 70 ปี ในเขตรับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางน้ำผึ้ง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ.คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
ทิพวรรณ สมควร, สินีนาฏ ชาวตระการ และ วรางคณา นาคเสน. (2565). ความรอบรู้้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมของสตรีวัยเจริญพันธุ์ในจังหวัดลำปาง. วารสารสาธารณสุขล้านนา, 18(1), 45-56
บังอร สุภาเกตุ, จงมณี สุริยะ( 2555 ). การประเมินผลพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีไทยภายใต้โครงการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จย่า ต้านภัยมะเร็งเต้านม. สำนักส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
นวรัตน์ โกมลวิภาต, น้ำอ้อย ภักดีวงศ์ (2561). เปรียบเทียบ ความรู้ ความเชื่อด้านสุขภาพ และการรับรู้ความสามารถ ตนเองของนักศึกษาหญิงระหว่างกลุ่มที่ตรวจและไม่ตรวจเต้านม ด้วยตนเอง. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 38(4), 68-78
บุญฐิสา สาธร( 2565 ). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ของประชากรเพศหญิง ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร .คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
รังษีนพดล โถทอง, โสภิตตรา สมหารวงค์, ณัฐจาพร พิชัยณรงค์, ศุภชัย ปิติกุลตัง, ศุลีพร แสงกระจ่าง, ปรารถนา สถิตวิภาวี, วิศิษฏ์ ฉวีพจนกำจร .(2562). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีวัย ก่อนหมดประจำเดือน. วารสารโรคมะเร็ง, 39(1), 16-27. http://www.novabizz.com/NovaAce/Attitude.htm
วรรณี ศักดิ์ศิริ. (2557). ความรู้ เจตคติเกี่ยวกับการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีอายุ 30 ปีขึ้นไปในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านดอนคา.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านดอนคา ตำบลทอนหงส์ อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช
ศูนย์ข้อมูลออนไลน์ Smartnews .(2563). 5 อันดับมะเร็งในคนไทย รู้ไว้ใกล้ตัวกว่าที่คิด. สืบค้นเมื่อ 1สิงหาคม 2565 .จาก http://www.ashthailand.or.th/smartnews/post/detail /558/news_all.php
สายสุทธี ร่มเย็น. (2558). การสำรวจพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีไทยอายุ 30–70 ปี ในเขตสุขภาพที่ 1. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมล้านนา, 5(2), 65-77
สุธารัตน์ ชำนาญช่าง, ปนัดดา ปริยทฤม, และกนกพร หมู่พยัคฆ์. (2557). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเองของสตรีวัยแรงงาน. วารสารพยาบาลศาสตร์, 32(3) ,42-51.
สุรพงษ์ โสธนะเสถียร. (2533). แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับความรู้ ทัศนคติและพฤติกรรม. สำนักส่งเสริมสุขภาพ (2545). คู่มือบุคลากรสาธารณสุข โครงการตรวจเต้านมด้วยตนเองและดูแลสตรีไทยโรคมะเร็งเต้านม. กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี.
หทัยรัตน์ แสงจันทร์. (2550). ความเครียดและการเผชิญความเครียดของผู้หญิงที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามี ก้อนบริเวณเต้านมในระยะรอเข้ารับการผ่าตัดตรวจชิ้นเนื้อ. สำนักปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี
Downloads
Published
How to Cite
Issue
Section
License
Copyright (c) 2022 Sirindhorn College of Public Health, Suphanburi

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม