ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันภาวะสมองเสื่อม ในผู้สูงอายุที่มีภาวะเสี่ยงสมองเสื่อม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี

ผู้แต่ง

  • ขนิษฐา สระทองพร้อม วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดสุพรรณบุรี คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข
  • สุนิสา จันทร์แสง วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดสุพรรณบุรี คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข

คำสำคัญ:

ความรอบรู้ด้านสุขภาพ, พฤติกรรมการป้องกันภาวะสมองเสื่อม, ผู้สูงอายุ

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุที่มีภาวะเสี่ยงสมองเสื่อม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี กลุ่มตัวอย่างคือผู้สูงอายุ 360 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม และนำมาวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา เช่น ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ด้วยสถิติ Chi-square และ Pearson’s correlation

จากการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 59.17 อายุเฉลี่ยอยู่ในช่วง 75–84 ปีร้อยละ 47.78 การศึกษาส่วนใหญ่ระดับประถมร้อยละ 71.67 มีรายได้ต่ำกว่า 3,799 บาทร้อยละ 81.39  และไม่ได้ประกอบอาชีพร้อยละ56.94 มีโรคประจำตัวร้อยละ56.39 กลุ่มตัวอย่างมีระดับด้านความรอบรู้ด้านสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง(Mean = 183.91, SD = 38.28)  ในด้านการสื่อสารที่ได้คะแนนสูงที่สุดร้อยละ28.61  และในด้านการรู้เท่าทันสื่อที่มีระดับความรอบรู้ที่น้อยที่สุดร้อยละ 46.11กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมในการป้องกันภาวะสมองเสื่อมก็อยู่ในระดับกลางร้อยละ51.90  กิจกรรมที่ทำเป็นประจำคือการทำอาหารกินเองร้อยละ29.72  และการออกกำลังกายในที่อากาศปลอดโปร่งร้อยละ28.06

ผลการวิเคราะห์ปัจจัยที่มีความความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุที่มีภาวะเสี่ยงสมองเสื่อม พบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลส่วนใหญ่ไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมดังกล่าว ยกเว้นบางประเด็น เช่น อายุที่สัมพันธ์เชิงลบ (r = –.159, p = .002) รายได้ที่สัมพันธ์เชิงบวกเล็กน้อย (r = .155, p = .003) และการมีโรคประจำตัว (χ² = 6.257, p = .044) ส่วนด้านความรอบรู้ด้านสุขภาพมีความเชื่อมโยงเชิงบวกอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านการตัดสินใจ (r = .541, p < .001) การเข้าถึงข้อมูลและบริการ (r = .455, p < .001) และความรู้ความเข้าใจ (r = .452, p < .001) ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีความรอบรู้ด้านสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับการตัดสินใจและการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ เพื่อให้สามารถป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ประวัติผู้แต่ง

สุนิสา จันทร์แสง, วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดสุพรรณบุรี คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข

อาจารย์ที่ปรึกษาหลัก สาขาส่งเสริมสุขภาพ วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดสุพรรณบุรี 

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข. (2567). รายงานสถานการณ์โรคสมองเสื่อมในประเทศไทย ปี 2567. กรุงเทพฯ: กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.

กรมอนามัย. (2566). โครงการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ. สืบค้นจาก https://www.anamai.moph.go.th/.

ทิพรัตน์ สิทธิวงศ์, และรักษิต สุทธิพงษ์. (2567). ผลของกิจกรรมทางกายต่อระบบประสาทในผู้สูงอายุ. วารสารเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ, 20(1), 75–84.

นัชชา เรืองเกียรติกุล. (2565). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุในเขตเมือง. วารสารสาธารณสุขชุมชน, 49(3), 215–227.

ปัทมา ปานมาก. (2561). ผลของการออกกำลังกายต่อความสามารถทางสมองของผู้สูงอายุ. วารสารพยาบาลศาสตร์, 40(3), 23–30.

ปาจรา โพธิหัง. (2564). ปัจจัยทางสังคมที่มีผลต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ. วารสารสังคมและสุขภาพ, 17(2), 101–113.

วรารัตน์ ทิพย์รัตน์, และคณะ. (2564). การออกกำลังกายกับการเสริมสร้างความจำในผู้สูงอายุ. วารสารสุขภาพจิต, 28(1), 51–62.

ศุภานัน เหลาคำ. (2565). ผลของการให้ความรู้โดยบุคลากรสาธารณสุขต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ. วารสารวิจัยสุขภาพและการพัฒนา, 5(1), 41–53.

สำนักวิชาการสาธารณสุข. (2565). คู่มือส่งเสริมสุขภาพและป้องกันภาวะสมองเสื่อมสำหรับผู้สูงอายุ. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข.

อรวรรณ นามมนตรี. (2561). ความรอบรู้ด้านสุขภาพกับการดูแลตนเองของผู้สูงอายุ. วารสารพยาบาลศาสตร์, 36(2), 1–15.

อังศินันท์ อินทรกำแหง. (2560). การประเมินความรอบรู้ด้านสุขภาพในผู้สูงอายุไทย. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 10(1), 23–34.

อรุณโรจน์ รุ่งเรือง, และพุฒิพงศ์ สัตย์วงศ์ทิพย์. (2566). กิจกรรมทางสังคมและความสามารถในการจดจำของผู้สูงอายุ. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 12(2), 115–128.

Alzheimer’s Association. (2024). Dementia statistics. Retrieved from https://www.alz.org/ alzheimers-dementia/facts-figures

Best, J. W. (1977). Research in education (3rd ed.). Englewood Cliffs, NJ: Prentice Hall.

Livingston, G., Huntley, J., Sommerlad, A., Ames, D., Ballard, C., Banerjee, S., ... & Mukadam, N. (2017). Dementia prevention, intervention, and care. The Lancet, 390(10113), 2673–2734.

Makino, M., et al. (2025). Health literacy and preventive behavior for dementia among elderly. International Journal of Geriatric Psychiatry, 40(2), 102–115.

Nichols, E. (2022). Global, regional, and national burden of Alzheimer’s disease and other dementias, 1990–2019: A systematic analysis. The Lancet Neurology, 21(11), 1078–1090.

Nutbeam, D. (2000). Health literacy as a public health goal: A challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century. Health Promotion International, 15(3), 259–267.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

30-12-2025

รูปแบบการอ้างอิง

สระทองพร้อม ข., & จันทร์แสง ส. (2025). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพและพฤติกรรมการป้องกันภาวะสมองเสื่อม ในผู้สูงอายุที่มีภาวะเสี่ยงสมองเสื่อม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี. วารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม, 5(3), E 281680. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/J-PHIN/article/view/281680