ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากในวัยรุ่น และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ
คำสำคัญ:
ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก, ปัจจัย, วัยรุ่นบทคัดย่อ
ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากเป็นแนวคิดที่นำมาใช้ในการสร้างเสริมสุขภาพช่องปาก จึงมีความจำเป็นที่ต้องทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยวัตถุประสงค์ของบทความวิจัยนี้คือศึกษาความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปาก และปัจจัยที่เกี่ยวข้องในนักเรียนและวัยรุ่น ด้วยวิธีการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบโดยการสืบค้นงานวิจัยจากฐานข้อมูล PubMed, Semantic Scholar, Google Scholar, Thai Digital Collection และ Thai Journal Online ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่พ.ศ. 2563 – 2567 พบบทความที่สอดคล้องและเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด จำนวน 12 เรื่อง และประเมินคุณภาพงานวิจัยโดยใช้ แบบประเมินคุณภาพงานวิจัยของเฮลเลอร์และคณะ (2008)
ผลการศึกษาพบว่า มีงานวิจัยที่ผ่านการคัดเลือก จำนวน 11 เรื่อง พบว่าความรอบรู้ด้านสุขภาพ ช่องปากในนักเรียนและวัยรุ่น ส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากที่มีผลสอดคล้องกันในงานวิจัย 2 เรื่อง ขึ้นไป ได้แก่ เพศ ระดับการศึกษา เชื้อชาติ สถานภาพผู้ปกครอง อายุผู้ปกครอง จำนวนสมาชิกในครอบครัว การศึกษาผู้ปกครอง ความสามัคคีในครอบครัว การปรับตัวในครอบครัว ระดับชั้นทางสังคม และพบงานวิจัยจำนวน 4 เรื่อง ที่ยืนยันว่าความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก ดังนั้นการพัฒนาความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากในนักเรียนและวัยรุ่น ควรให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านบุคคลและครอบครัว
เอกสารอ้างอิง
กรมอนามัย. (2566). แผนยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพช่องปากประเทศไทย พ.ศ. 2566 - 2580. สืบค้นจากhttps://dental.anamai.moph.go.th
กานต์พิชชา วิจารณ์. (2557). ความรอบรู้เรื่องการปฏิบัติตนในการดูแลสุขภาพช่องปากและสภาวะสุขภาพช่องปากของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในอำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ. ปริญญานิพนธ์ สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต. นนทบุรี. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สืบค้นจาก https://ir.stou.ac.th/bitstream/123456789/12830/1/fulltext_148411.pdf
กิตติยา ศรีมาฤทธิ์, นิยม จันทร์นวล. (2022). ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากและปัจจัยที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุในนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เขตชนบท จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารสาธารณสุขและวิทยาศาสตร์สุขภาพ, 5(3), 36-50.
จรัสศรี ศรีนฤพัฒน์,นพวรรณ โพชนุกูล และปิ่นปินัทธ์ วณิชย์สายทอง (2567). การสำรวจความรอบรู้ด้านทันตสุขภาพ และคุณภาพชีวิตในมิติสุขภาพช่องปากของเด็ก และ เยาวชนในสถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชนศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนของประเทศไทย ปี 2566. วารสารการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม, 47(1), 80-93.
ณัฐสิทธิ์ รัตนกระจ่างศรี. (2563). ความสัมพันธระหวางความฉลาดทางด้านทันตสุขภาพตอพฤติกรรมทันตสุขภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในโรงเรียนขยายโอกาส อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา. ปริญญานิพนธ์สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต. พะเยา. มหาวิทยาลัยพะเยา. สืบค้นจาก https://updc.up.ac.th/server/api/core/bitstreams/a9d9fcda-adef-490c-9e6d-970b80220b39/content
รอซีกีน สาเร๊ะ, คันธมาทน์ กาญจนภูมิและ กัลยา ตันสกุล. (2564). ความรอบรู้ด้านทันตสุขภาพกับการดูแลสุขภาพช่องปาก ของวัยรุ่นตอนต้นในจังหวัดยะลา. วารสารสภาสาธารณสุขชุมชน, 3(3), 27 – 39.
วัชรพล วิวรรศน์ เถาว์พันธ์, รัฐติภรณ์ ลีทองดี, นฤพร ชูเสน, ปุณยรัตน์ ลวดทอง, วิลาสินี ยุวชาต, อภิญญา พูนสวัสดิ์. (2023). ความรอบรู้ด้านสุขภาพช่องปากกับพฤติกรรม การดูแลสุขภาพช่องปากของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เขตอำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารทันตาภิบาล, 34(1), 35-44.
สำนักทันตสาธารณสุข. (2567). รายงานผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 9 ประเทศไทย พ.ศ. 2566. สืบค้นจาก https://dental.anamai.moph.go.th
American Dental Association. (2010). Health literacy in dentistry strategic action plan 2010-2015. United States:
Alzeer, M., AlJameel, A., Rosing, K., & Øzhayat, E. (2024). The association between oral health literacy and oral health-related behaviours among female adolescents in the Kingdom of Saudi Arabia: A cross-sectional study. The Saudi Dental Journal, 36, 1035 – 1042.
de Moura, M. D. F. L., Firmino, R. T., Neves, E. T. B., de Brito Costa, E. M. M., Paiva, S. M., Ferreira, F. M., & Granville-Garcia, A. F. (2022). Attention-deficit Disorder, Family Factors, and Oral Health Literacy. international dental journal, 72(4), 565-571.
Heller, R.F., Verma, A., Gemmell, I., Harrison, R., Hart, J., & Edwards, R. (2008). Critical appraisal For public health: a new checklist. Public Health. 122, 92-98. doi:10.1016/j.puhe.2007.04.012
Horowitz AM, Kleinman DV. (2008). Oral Health Literacy: The New Imperative to Better Oral Health. Dental Clinicsof North America, 52(2), 333-344.
Hynninen, Y., Voltti, S., Sormunen, M., Nihtilä, A., Siukosaari, P., Koukkula, L., & Leskelä, R. L. (2023). Oral Health Outcome Measures: A Feasibility Evaluation. international dental journal, 73(5), 685-691.
Jurgensen, N., & Petersen, P. E. (2009). Oral health and the impact of socio-behavioural factors in a cross sectional survey of 12-year old school children in Laos. BMC oral health, 9, 1-11.
Lopes, R. T., et al. (2021). Family structure, sociodemographic factors and type of dental service associated with oral health literacy in the early adolescence. Ciencia & Saude Coletiva, 26(3), 5241-5250.
Manganello JA. (2008). Health literacy and adolescents: a framework and agenda for future research. Health Educ Res. 23(5), 840-7.
Neves, E. T. B., et al. (2021). Contextual and individual factors associated with oral health literacy in adolescents: A multi-level approach. Brazilian Dental Journal, 32(2), 1-13.
Oxburgh, G. E., Myklebust, T., & Grant, T. (2010). The question of question types in police interviews: A review of the literature from a psychological and linguistic perspective. International Journal of Speech, Language & the Law, 17(1).
Prata, I. M. D. L. F., Neves, E. T. B., Lima, L. C. M. D., Dutra, L. D. C., Ferreira, F. M., Paiva, S. M., & Granville-Garcia, A. F. (2021). Contributions of school context to caries on anterior teeth: a multilevel analysis. Revista de saude publica, 55, 111.
Rachmawati, Y. L., Pratamawari, D. N. P., Balbeid, M., & Sutanti, V. (2024). Sociodemographics, oral health literacy, and caries experience related to daily performance among adolescents. Brazilian Journal of Oral Sciences, 23, e241338.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดสุพรรณบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
1. บทความหรือข้อคิดเห็นใด ๆ ที่ปรากฏในวารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม ที่เป็นวรรณกรรมของผู้เขียน บรรณาธิการ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
2. บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ วารสารศาสตร์สาธารณสุขและนวัตกรรม