ผลของการจัดโปรแกรมโรงเรียนผู้สูงอายุต่อการเพิ่มระดับความสุขของผู้สูงอายุตำบลหมื่นไวย อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
โปรแกรมโรงเรียนผู้สูงอายุ, ความสุข, ผู้สูงอายุบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดก่อนและหลัง การทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการจัดโปรแกรมโรงเรียนผู้สูงอายุต่อการเพิ่มระดับความสุขของสูงอายุตำบลหมื่นไวย อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มตัวอย่างจำนวน 70 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง และกลุ่มเปรียบเทียบ กลุ่มละ 35 ราย เครื่องมือวิจัย คือ โปรแกรมหลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุ จัดกิจกรรมอาทิตย์ละครั้ง ใช้ระยะเวลา 18 สัปดาห์ และแบบวัดสุขภาพจิตของคนไทย (Version 2007) กรมสุขภาพจิต ฉบับสมบูรณ์ 55 ข้อ ตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือโดยผู้ทรงคุณวุฒิ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติทดสอบทีและทีแบบจับคู่
ผลการวิจัย พบว่า ก่อนเข้าร่วมโปรแกรมผู้สูงอายุกลุ่มทดลองส่วนใหญ่มีความสุขระดับต่ำกว่าคนทั่วไป ร้อยละ 48.5 ส่วนผู้สูงอายุกลุ่มเปรียบเทียบมีความสุขระดับเท่ากับคนทั่วไป ร้อยละ 57.1 ค่าเฉลี่ยระดับความสุขของผู้สูงอายุกลุ่มทดลองหลังเข้าร่วมโปรแกรมโรงเรียนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <0.001) ค่าเฉลี่ยระดับความสุขของผู้สูงอายุหลังเข้าร่วมโปรแกรมโรงเรียนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นของกลุ่มทดลอง มากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <0.001) จากผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า โปรแกรมนี้มีจุดเด่นในด้านการสนับสนุนให้ผู้สูงอายุร่วมกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพกาย จิตใจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสามารถสร้างสุขให้กับผู้สูงอายุได้ ดังนั้นจึงควรสนับสนุนให้นำรูปแบบจากการศึกษาไปใช้ในการสร้างสุขผู้สูงอายุที่มีบริบทใกล้เคียงอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมความสุขของผู้สูงอายุต่อไป
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. ปัทมา ว่าพัฒนวงศ์, ปราโมทย์ ประสาทกุล. ประชากรไทยในอนาคต. [อินเทอร์เน็ต]. 2561. [เข้าถึงเมื่อ 3 มกราคม 2561] เข้าถึงจากhttp://www.ipsr.mahidol.ac.th/IPSR/AnnualConference/ConferenceII/Article/Article02.htm
3. ประนอม โอทกานนท์. ชีวิตที่สุขสมบูรณ์ของผู้สูงอายุไทย หลักการ งานวิจัย และ บทเรียนจากประสบการณ์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2554.
4. มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.). สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย ปี พ.ศ.2557. [อินเทอร์เน็ต]. 2557. [เข้าถึงเมื่อ 3 กรกฎาคม 2557] เข้าถึงจาก http://thaitgri.org/?p=36746
5. กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ [อินเทอร์เน็ต]. 2562. [เข้าถึงเมื่อ 3 มกราคม 2561] เข้าถึงจาก http://www.dop.go.th/th/news/1/1607
6. กองส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ. คู่มือโรงเรียนผู้สูงอายุ. กองส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ กรุงเทพมหานคร: 2559.
7. ณัฐกานต์ สำเนียงเสนาะ. ปัจจัยทำนายความสุขของผู้สูงอายุในชุมชนจังหวัดฉะเชิงเทรา. [วิทยานิพนธ์หลักสูตรพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา; 2556.
8. สำนักงานปลัด องค์การบริหารส่วนตำบลหมื่นไวย อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา. ทะเบียนผู้สูงอายุ; 2561.
9. Polit, D.F.and Hungler,B.P. Nursing Research : Principles and methods.3rd.ed.Philadelphia: Lippincott. 1987.
10. ชนากานต์ ชมภูนุช และคณะ. ขนาดกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงปริมาณ. เอกสารชุมชนนักปฏิบัติ คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กรุงเทพมหานคร: โรงพยาบาลศิริราช; 2554.
11. มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา. หลักสูตรโรงเรียนผู้สูงอายุ. 2559.
12. อภิชัย มงคล , ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ , ทวี ตั้งเสรี , วัชนี หัตถพนม , ไพรวัลย์ ร่มซ้าย, วรวรรณ จุฑา. รายงานการวิจัย การพัฒนาและทดสอบดัชนีชี้วัดสุขภาพจิตคนไทย(Version 2007) : กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด; 2552.
13. จุฑาพร แหยมแก้ว. รูปแบบการจัดกิจกรรมผู้สูงอายุในโรงเรียนสร้างสุข ตำบลท้ายดง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์. รายงานสืบเนื่องการประชุมสัมมนาวิชาการ(Proceedings) การนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ เครือข่ายบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ ครั้งที่ 17. ณ ศูนย์วัฒนธรรมภาคเหนือตอนล่าง วังจันทน์ริเวอร์วิว มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก; 2560.
14. พรทิพย์ เกยุรานนท์. “การสร้างความสุขในผู้สูงอายุ” [อินเทอร์เน็ต]. . [เข้าถึงเมื่อ 5 กันยายน 2561] เข้าถึงจาก http://www.stou.ac.th/stoukc/elder/main1_9.html
15. ธิดารัตน์ นวลเดช. การเปรียบเทียบความสุขของผู้สูงอายุในโรงเรียนผู้สูงอายุและในชุมชนเขตเทศบาลเมืองหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี. [วิทยานิพนธ์หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารทั่วไป]: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยบูรพา; 2560.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
