กระบวนการสร้างหุ้นส่วนสุขภาพเพื่อการดูแลผู้สูงอายุ ข้อเข่าเสื่อม ชุมชนพิทักษ์ธรรม ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
คำสำคัญ:
กระบวนการสร้างหุ้นส่วนสุขภาพ, การดูแลข้อเข่าเสื่อมในชุมชน, ผู้สูงอายุบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการณ์ กระบวนการและผลการสร้าง หุ้นส่วนสุขภาพเพื่อการดูแลผู้สูงอายุข้อเข่าเสื่อม กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ ผู้สูงอายุข้อเข่าเสื่อม ชุมชน พิทักษ์ธรรม ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 35 ราย กลุ่มเป้าหมายรอง ได้แก่ ผู้ดูแล พยาบาลวิชาชีพ เจ้าหน้าที่แพทย์แผนไทย ผู้นำชุมชน อสม. และบุคลากรในกองสาธารณสุขเทศบาล ปู่เจ้าสมิงพราย เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสัมภาษณ์ แนวคำถามสนทนากลุ่ม และการสังเกตแบบมีส่วนร่วม ความแม่นตรงตามเนื้อหา 0.90 และค่าความเชื่อมั่นของแบบสัมภาษณ์โดยรวม 0.93 วิเคราะห์ข้อมูลด้วย ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน paired t-test และวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า สภาพการณ์ที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมการดูแลผู้สูงอายุข้อเข่าเสื่อมอย่างมีนัย สำคัญทางสถิติ ด้านผู้สูงอายุ คือ อายุ อาการปวดเข่าและประสิทธิภาพการดำเนินชีวิตประจำวัน ด้านผู้ดูแลคือ ความเพียงพอของรายได้ และการรับรู้ความรุนแรงของข้อเข่าเสื่อมที่เกิดกับผู้สูงอายุ บทบาทของผู้เกี่ยวข้องที่อาจส่งผลต่อข้อเข่าเสื่อมแยกได้ 3 ประเด็น คือ 1) บุคลากรสุขภาพส่วนใหญ่รักษาตาม อาการและให้คำแนะนำแบบทั่วไป และสนับสนุนงบประมาณยังไม่ครอบคลุม 2) บุคลากรชุมชนทราบ ปัญหาไม่ครบถ้วน ไม่มีโครงการหรือกิจกรรมดูแลข้อเข่าเสื่อม และ อสม.ไม่มั่นใจให้คำแนะนำและ จัดกิจกรรมในชุมชน 3) ผู้ดูแลเน้นจัดยา ให้รับประทานอาหาร พาไปพบแพทย์เท่าที่มีเวลา และกระตุ้น ผู้สูงอายุให้ดูแลตนเองไม่มาก กระบวนการสร้างหุ้นส่วนสุขภาพเพื่อการดูแลผู้สูงอายุข้อเข่าเสื่อม มี 4 ระยะ คือ 1) สร้างความ เป็นหุ้นส่วนด้วยการประสานผู้เกี่ยวข้องกำหนดแผนงานและกิจกรรม 2) สร้างระบบรองรับการทำงาน 3) ประเมินคุณภาพกิจกรรมเป็นระยะจนได้ข้อตกลงร่วมกัน 4) พัฒนาความต่อเนื่องของหุ้นส่วนด้วยการ ร่วมประเมินการทำงาน กิจกรรมที่เกิดขึ้น คือ บริหารข้อเข่า ทำสมุนไพรพอกเข่า ให้ความรู้และเยี่ยมบ้าน ด้วยคู่มือดูแลข้อเข่าเสื่อม ผลของกระบวนการสร้างหุ้นส่วนเพื่อการดูแลผู้สูงอายุข้อเข่าเสื่อม พบว่า ผู้สูง อายุ รับรู้เรื่องโรค และความรุนแรงของข้อเข่าเสื่อมเพิ่มขึ้น (p<0.05) พฤติกรรมดูแลข้อเข่าเสื่อมเพิ่มขึ้น (p<0.05) น้ำหนักตัวลดลง (p<0.05) อาการปวดและความยากลำบากในการทำกิจวัตรประจำวันลดลง (p<0.05) ด้านผู้ดูแล รับรู้ความรุนแรงของข้อเข่าเสื่อมเพิ่มขึ้น (p<0.05) พฤติกรรมการช่วยดูแลผู้สูงอายุ ข้อเข่าเสื่อมเพิ่มขึ้น (p<0.05)
Downloads
เอกสารอ้างอิง
ดวงเดือน ศรีมาดี, หนูทัศน์ ผาวิรัตน์, ลำพงษ์ ศรีวงศ์ชัย, กษวรรณ เทียมวงศ์. สภาพปัญหาและพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมของประชาชนในเขตบริการปฐมภูมิ
โรงพยาบาลเมืองสรวง. [อินเทอร์เน็ต]. 2556 [เข้าถึงเมื่อ 1 ธันวาคม 2556]; เข้าถึงจาก: http://www.cup-muangsuang.net/wp-content/uploads/2013/10/
ทรรศนีย์ นาคราช, วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย, จริยาวัตร คมพยัคฆ์, อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์. พัฒนากระบวนการการดูแลและป้องกันอาการหอบหืดซ้ำอย่างมีส่วนร่วมในเด็กก่อนวัยเรียน. วารสาร
พยาบาลสาธารณสุข. 2553;24(1):16-31.
บุญเรียง พิสมัย, มณีรัตน์ ธีระวิวัฒน์, นิรัตน์ อิมามี, สุภาพ อารีเอื้อ. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้ที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม. วารสารสาธารณสุขศาสตร์. 2555;42(2):54-65.
ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล. ความรู้เวชศาสตร์ผู้สูงอายุเรื่อง ความท้าทายของงานผู้สูงอายุในยุค AEC และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพของผู้สูงอายุเพื่อรองรับ AEC” [อินเทอร์เน็ต]. 2556 [เข้าถึงเมื่อ
30 กันยายน 2557]; เข้าถึงจาก: http://agingthai.com /?q=th/Downlaod
พุทธิพร พิธานธนานุกูล. การจัดการความปวดเรื้อรังของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชน. วารสารสมาคมพยาบาลฯ สาขาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. 2554;29(4):58-67.
รัตนาวลี ภักดีสมัย, พนิษฐา พานิชาชีวะกุล. การพัฒนาการดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาปวดข้อเข่าของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านบาก อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารพยาบาลศาสตร์
และสุขภาพ. 2554;34(4):45-6.
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสำโรงใต้. รายงานข้อมูลการประเมินสุขภาพผู้สูงอายุปี 2556. สมุทรปราการ: โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสำโรงใต้; 2556.
วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย. กลวิธีค้นหาและการพัฒนาศักยภาพชุมชน: แนวคิดและกรณีศึกษาในชุมชน. เอกสารประกอบการเรียนวิชาการพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน 2. สมุทรปราการ: มหาวิทยาลัยหัวเฉียว
เฉลิมพระเกียรติ; 2557.
วิจิตร วรรธนะวุฒิ, วนิดา ดุรงค์ฤทธิชัย, หทัยชนก บัวเจริญ. การพัฒนาหุ้นส่วนสุขภาพสำหรับผู้เป็นเบาหวานโดยพยาบาลเวชปฏิบัติชุมชน. วารสารพยาบาลสาธารณสุข. 2555;26(2):87-103.
วิจิตร ศรีสุพรรณ, กาญจนา จันทร์ไทย, บรรณาธิการ. คู่มือปฏิบัติงานพยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล. กรุงเทพมหานคร: จุดทอง; 2556.
ศศิพัฒน์ ยอดเพชร. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการระบบการดูแลระยะยาวในครอบครัวสำหรับผู้สูงอายุ. กรุงเทพมหานคร: มิสเตอร์ก๊อปปี้; 2549.
ศิรินภา ทองแดง. ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม. ใน: เอกสารการประชุมวิชาการระดับชาติ ประจำปี 2557 (National Research Conference 2014).
ปทุมธานี: มหาวิทยาลัยรังสิต; 2557.
สุขเกษม ร่วมสุข. พฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุจังหวัดอำนาจเจริญ. [วิทยานิพนธ์]. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี; 2553.
เสาวนีย์ สิงหา. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อมในเขตเทศบาลตำบลแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการโดยประยุกต์ทฤษฎีการพยาบาลของ
คิง. [วิทยานิพนธ์]. สมุทรปราการ: มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ; 2557.
Altman R, Asch E, Bloch D, Bole G, Borenstein D, Brandt K, et al. Development of criteria for the classification and reporting of osteoarthritis. Classification of osteoarthritis of the knee. Diagnostic and Therapeutic Criteria Committee of the American Rheumatism Association. Arthritis Rheum. 1986;29(8):1039-49.
Butt G, Markle-Reid M, Browne G. Interprofessional partnerships in chronic illness care: A conceptual model for measuring partnership effectiveness. International
Journal of Integrated Care [internet]. 2008 [Cited 2014 Dec 16]. 8:1-14. Available from:http://www.ijic.org/.
Orem ED. Nursing : Concepts of Practice 2sd ed. New York: Mc Graw Hill; 1985.
Wills AK, Black S, Cooper R, Coppack RJ, Hardy R, Martin KR, et al. Life course body mass index and risk of knee osteoarthritis at the age of 53 years: evidence from the 1946 British birth cohort study. Annals of the Rheumatic Diseases. 2012;71(5):655-60.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
