ประสิทธิผลของการจัดการเรียนการสอนแบบนำตนเอง เพื่อสร้างการเรียนรู้รอบด้านรายวิชาปฏิบัติการพยาบาล อนามัยชุมชน : กรณีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
คำสำคัญ:
การจัดการเรียนการสอนแบบนำตนเอง, การเรียนรู้รอบด้าน, การพยาบาลอนามัยชุมชนบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดซ้ำนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการจัดการเรียน การสอนแบบนำตนเองเพื่อสร้างการเรียนรู้รอบด้านรายวิชาปฏิบัติการพยาบาลอนามัยชุมชนต่อการรับรู้ ความสามารถในการนำความรู้ทฤษฎีไปใช้ในการฝึกปฏิบัติการพยาบาลอนามัยชุมชน การรับรู้ความ สามารถในการฝึกปฏิบัติการพยาบาลอนามัยชุมชนและการรับรู้สมรรถนะตนเองในการฝึกปฏิบัติการ พยาบาลอนามัยชุมชน กลุ่มทดลอง คือ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวน 78 ราย กลุ่มควบคุม คือ นักศึกษา ชั้นปีเดียวกัน 113 ราย เครื่องมือวิจัยเป็นแผนการจัดการเรียนการสอนแบบนำตนเอง และแบบสอบถามที่ ผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้เชี่ยวชาญ และความเชื่อมั่น α– coefficient ทั้งฉบับเท่ากับ 0.954 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทีและ paired t-test ผลวิจัยพบว่า หลังจัดการเรียนการสอนแบบนำตนเอง พบว่า ค่าเฉลี่ยการรับรู้ความสามารถใน การนำความรู้ทฤษฎีไปใช้ของกลุ่มควบคุม (x¯ 8.41, S.D. 0.763) สูงกว่ากลุ่มทดลอง ( x¯ 7.96, S.D. 1.145) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .001 การรับรู้ความสามารถและการรับรู้สมรรถนะของตนเองในการฝึก ปฏิบัติของกลุ่มควบคุม (¯x 4.16, S.D. 0.414, ¯x 4.23, S.D. 0.436) สูงกว่ากลุ่มทดลอง (¯x 4.05, S.D. 0.420, (¯x 4.14, S.D. 0.410) อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ ค่าเฉลี่ยการรับรู้ความสามารถในการนำ ความรู้ทฤษฎีไปใช้ (คะแนนเฉลี่ยก่อนใช้การเรียนแบบนำตนเอง 7.60, คะแนนเฉลี่ยหลังใช้การเรียนแบบ นำตนเอง 7.96, p = 0.005 ) และการรับรู้สมรรถนะตนเองในการฝึกปฏิบัติ (คะแนนเฉลี่ยก่อนใช้การเรียน แบบนำตนเอง 4.05, คะแนนเฉลี่ยหลังใช้การเรียนแบบนำตนเอง 3.74, p = 0.000) ของกลุ่มทดลองสูง กว่าก่อนใช้การจัดการเรียนการสอนแบบนำตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ส่วนการรับรู้ความสามารถใน การฝึก (คะแนนเฉลี่ยก่อนใช้การเรียนแบบนำตนเอง 4.05, คะแนนเฉลี่ยหลังใช้การเรียนแบบนำตนเอง 3.74, p = 0.000) ของกลุ่มทดลองต่ำกว่าก่อนใช้การเรียนแบบนำตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
Downloads
เอกสารอ้างอิง
child-centered%20education.pdf
Felder RM, Brent R. Active Learning: An Introduction. ASQ Higher Education Brief. 2009;2(4):1-5.
อภิกัญ เลิศวาสนา. รายงานการวิจัยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการที่เน้นผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้. สมุทรปราการ : วิทยาลัยสารพัดช่างสมุทรปราการ; 2552.
ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่อง มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ.2552. [อินเทอร์เน็ต]. 2553 [เข้าถึงเมื่อ 20 พฤษภาคม 2558]. เข้าถึงจาก:
http://www.mua.go.th/users/he-commission/doc/law/ministry%20law/1-39%20TQF%20nursing%202552.pdf.
Brockett RG, Hiemstra R. A conceptual framework for understanding self-direction in adult learning in Self-Direction in Adult Learning: Perspectives on Theory, Research,
and Practice [Internet]. 1991 [Cited 2015 Oct 11]. Available from: http://www.infed.org/archives/e-texts/hiemstra _self_direction.htm.
Schlesselman JJ, Stolley PD. Case-control studies: design, conduct, analysis. New York : Oxford University Press; 1982.
Khanyile T, Mfidi F. The effect of curricula approaches to the development of the student’s clinical reasoning ability. Curationis. 2005;28(2 May):70-6.
Ranse K, Grealish L. Nursing students’ perceptions of learning in the clinical setting of the dedicated education unit. Journal of Advanced Nursing. 2007, April; 58 (2):171–9.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
