การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลบริการเคลือบหลุมร่องฟัน 3 รูปแบบ ในฟันกรามแท้ซี่แรก ระยะ 1 ปี ในนักเรียนเขตกรุงเทพมหานคร
คำสำคัญ:
เคลือบหลุมร่องฟัน, อัตราการยึดติดสมบูรณ์, ประสิทธิผล, รูปแบบบทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดประสิทธิผลโครงการเคลือบหลุมร่องฟันกรามแท้ซี่แรกแก่นักเรียน เขตกรุงเทพมหานครซึ่งมีความเสี่ยงต่อฟันผุสูง และเปรียบเทียบระหว่าง 3 รูปแบบที่แตกต่างกัน ได้แก่ รูปแบบในคลินิก ทันตกรรม รูปแบบออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ที่โรงเรียน และ รูปแบบรถทันตกรรม เคลื่อนที่ ทุกแบบมีผู้ช่วยข้างเก้าอี้ ใช้เครื่องดูดน้ำลายความเร็วสูง และวัสดุเคลือบชนิดเดียวกัน ผู้ปฏิบัติ งานเคลือบหลุมร่องฟันในปริมาณงานต่อเวลาที่แตกต่างกัน วิธีวิจัยเป็นการศึกษาแบบย้อนหลัง (retrospective study) จากรายงานประเมินผลโครงการเคลือบหลุมร่องฟันกรามแท้ซี่แรกระยะ 1 ปี ซึ่ง ผู้ประเมินเป็นทันตแพทย์คนละกลุ่มกับผู้ให้บริการได้รับการปรับมาตรฐาน กลุ่มตัวอย่างนักเรียน 667 ราย ฟัน 2,668 ซี่ ถูกคัดเลือกโดยการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (cluster sampling) จำนวนร้อยละ 10 จากระดับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 และ 3 จากโรงเรียนที่สุ่มอย่างง่ายจาก 11 เขต ตรวจสอบ วิเคราะห์ประสิทธิผล จากอัตราการยึดติดสมบูรณ์และไม่ผุของฟันกรามแท้ซี่แรกด้วยสถิติพรรณานำเสนอเป็นร้อยละ และ เปรียบเทียบระหว่าง 3 รูปแบบด้วยสถิติไคสแควร์ ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างข้อมูลฟันที่ได้รับการ เคลือบหลุมร่องฟันระยะ 1 ปีจำนวน 1,494 ซี่ มีอัตราการยึดติดสมบูรณ์และไม่ผุ (complete retention without caries) เป็นร้อยละ 75.10 และแตกต่างกันระหว่าง 3 รูปแบบอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่แตกต่าง กันระหว่างตำแหน่งฟัน บริการเคลือบหลุมร่องฟันรูปแบบออกหน่วยทันตกรรมเคลื่อนที่ที่โรงเรียนมี ประสิทธิผลสูงสุด ร้อยละ 93.78 รองลงมาเป็นรูปแบบรถทันตกรรมเคลื่อนที่และในคลินิกทันตกรรม คือ ร้อยละ 70.60 และ 45.30 สรุป ประสิทธิผลบริการเคลือบหลุมร่องฟันกรามแตกต่างกันระหว่าง 3 รูปแบบ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งอาจเกิดจากปริมาณงานต่อเวลาแตกต่างกัน ส่งผลต่อการควบคุมความชื้นขณะเคลือบและการตรวจสอบหลังการเคลือบหลุมร่องฟัน ควรเพิ่มประสิทธิผลโดยปรับปริมาณงานและ การให้ข้อมูลย้อนกลับแก่ผู้ปฏิบัติงาน
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
