ศึกษาพฤติกรรมสุขภาพนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยาตามหลักปากังเปี้ยนเจิ้ง (八纲辨证) ในศาสตร์การแพทย์แผนจีน
คำสำคัญ:
การแพทย์แผนจีน, สุขภาพร่างกาย, ปากังเปี้ยนเจิ้งบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพฤติกรรมสุขภาพนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา 2) เพื่อวิเคราะห์แยกกลุ่มอาการเบื้องต้นตามหลักปากังเปี้ยนเจิ้งในนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา และ 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของพฤติกรรมกับกลุ่มอาการเบื้องต้นตามหลักปากังเปี้ยนเจิ้ง ของนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา จำนวน 392 คน จากการวิเคราะห์แยกกลุ่มอาการ พบว่า มีกลุ่มอาการส่วนนอก ร้อยละ 18.62 กลุ่มอาการเย็นพร่อง ร้อยละ 11.48 กลุ่มอาการเย็นแกร่ง ร้อยละ 10.20 จากการศึกษาพฤติกรรมส่วนบุคคลของนิสิต พบว่า มีพฤติกรรมในระดับมาก ได้แก่ นอนดึก หรือพักผ่อนน้อย และไม่ออกกำลังกาย (ค่าเฉลี่ย 2.85 และ 3.09 ตามลำดับ) มีพฤติกรรมในระดับปานกลาง ได้แก่ บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มฤทธิ์เย็น บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มฤทธิ์ร้อน บริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด (Fast food) อารมณ์ร้อนและฉุนเฉียวง่าย (ค่าเฉลี่ย 5.68, 8.58, 6.24 และ 5.41 ตามลำดับ) มีพฤติกรรมในระดับน้อย ได้แก่ ดื่มแอลกอฮอล์ และอารมณ์ซึมเศร้า (ค่าเฉลี่ย 2.00 และ 1.91 ตามลำดับ) จากการศึกษาความสัมพันธ์ของพฤติกรรมกับกลุ่มอาการ โดยใช้เพียร์สันไคสแควร์ (Pearson Chi-square) พบว่า พฤติกรรมการนอนดึก หรือพักผ่อนน้อยส่งผลกระทบต่อกลุ่มอาการทั้งหมดในหลักปากังเปี้ยนเจิ้ง (ส่วนนอก/ใน/เย็น (หยิน)/ร้อน (หยาง)/พร่อง/แกร่ง) พฤติกรรมด้านอารมณ์ และการไม่ออกกำลังกาย ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอาการส่วนนอก/ส่วนใน/ร้อน (หยาง)/พร่อง/แกร่ง พฤติกรรมบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มฤทธิ์เย็น ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอาการเย็น บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มฤทธิ์ร้อน ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอาการร้อน บริโภคอาหารฟาสต์ฟู้ด (Fast food) และดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลต่อกลุ่มอาการส่วนใน/พร่อง/แกร่ง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ p <.05 และ p <.01
Downloads
เอกสารอ้างอิง
2. ซือจิ้ง. การแพทย์แผนจีนในศตวรรษที่ 21. วารสารการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก. 2546;1(1):54-64.
3. สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. มาตรฐานการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน. แนวคิดและหลักการเกี่ยวกับมาตรฐานการประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน [อินเทอร์เน็ต]. 2563 [เข้าถึงเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2563]. เข้าถึงจาก: https://mrdhss.moph.go.th/ebook/chinesemedicine%E2%80%8E.pdf
4. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. รายงานภาวะสังคมรายไตรมาส [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 20 มกราคม 2563]. เข้าถึงจาก: https://www.nesdc.go.th/main.php?filename=social
5. วรพงศ์ ชัยสิงหาญ. มะเร็งปอดกับการรักษาด้วยแพทย์แผนจีน [อินเทอร์เน็ต]. 2561 [เข้าถึงเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2563]. เข้าถึงจาก: https://www.huachiewtcm.com/content/6291/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99
6. กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนทางเลือก. ศาสตร์การแพทย์แผนจีนเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงสาธารณสุข; 2551.
7. โกวิท คัมภีรภาพ. ทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีน. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: แอคทีฟพริ้นท์; 2558.
8. วิทวัส วัณนาวิบูล. เซียวเข่อ เบาหวานในทรรศนะแพทย์แผนจีน [อินเทอร์เน็ต]. 2547 [เข้าถึงเมื่อ 15 มกราคม 2563]. เข้าถึงจาก: https://www.doctor.or.th/article/detail/2038
9. Zhu W. Diagnostics of Traditional Chinese Medicine. Beijing: China press of Traditional Chinese Medicine; 2019.
10. โกวิท คัมภีรภาพ. การตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์แผนจีน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: แอคทีฟพริ้นท์; 2551.
11. พัชราภรณ์ ศรีสวัสดิ์. การให้คำปรึกษากลุ่มแบบเผชิญความจริงเพื่อเสริมสร้างสุนทรีย์แห่งตนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย. วารสารฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ. 2560;10(2):381-2.
12. กฤษดา ตามประดิษฐ์. พฤติกรรมสุขภาพของนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ. 2563;12(1):3-4.
13. ศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์. ระเบียบวิธีวิจัยสาหรับธุรกิจ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: ฮาซันพริ้นติ้ง; 2553.
14. วัชราภรณ์ สุริยาภิวัฒน์. วิจัยธุรกิจยุคใหม่. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2556.
15. กัลยา วานิชย์บัญชา. การวิเคราะห์สถิติชั้นสูงด้วย SPSS for Window. พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพฯ: สามลดา; 2560.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและสุขภาวะ
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว
