ผลของการพัฒนาโปรแกรมแชทบอทต่อความรู้การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ในทหารประจำการ

ผู้แต่ง

  • กาญจนา บุศราทิจ อาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยชินวัตร
  • อุบล ชุ่มจินดา อาจารย์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยชินวัตร
  • จารุต บุศราทิจ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี

คำสำคัญ:

แชทบอท, เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย, ทหารประจำการ

บทคัดย่อ

งานวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโปรแกรมแชทบอทต่อความรู้การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย เปรียบเทียบความรู้เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย และประเมินความพึงพอใจโปรแกรมแชทบอท กลุ่มตัวอย่างเป็นทหารประจำการ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย โปรแกรมแชทบอท แบบประเมินความรู้การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ได้ค่าดัชนีความเที่ยงตรงตามเนื้อหาเท่ากับ 0.86 หาค่าความเชื่อมั่นโดยค่าคูเดอร์ริชาร์ดสันได้ 0.90 และประเมินความพึงพอใจต่อโปรแกรมแชทบอท ได้ค่าดัชนีความเที่ยงตรงตามเนื้อหาเท่ากับ 0.88 หาค่าความเชื่อมั่นค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคได้ 0.95 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และเปรียบเทียบความรู้ด้วยสถิติ Paired – Sample T Test

ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาโปรแกรมแชทบอทเป็นระบบตอบโต้อัตโนมัติความรู้ก่อนและหลังใช้แชทบอทเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.01 โดยค่าเฉลี่ยของคะแนนความรู้หลังใช้โปรแกรม (9.13) สูงกว่าก่อนการใช้โปรแกรม (7.23) 2) ด้านความพึงพอใจด้านรูปแบบของโปรแกรมแชทบอท เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยโดยรวมอยู่ในระดับมาก (M = 4.21) ด้านที่ได้ค่าเฉลี่ยมากคือ ระบบการตอบโต้รวดเร็ว ใช้งานได้จริง (M = 4.50) รองลงมาคือ ระบบการตอบโต้เก็บเป็นความลับ ทำให้กล้าถาม (M = 4.33) ด้านที่ได้คะแนนค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ความแม่นยำในการโต้ตอบคำถาม (M = 3.90) ด้านความพึงพอใจด้านเนื้อหา ของระบบแชทบอทเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัยโดยรวมอยู่ในระดับมาก (M = 4.37) ด้านที่ได้ค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ความทันสมัย (M = 4.63) รองลงมาคือ เข้าใจง่าย (M = 4.53) ด้านที่ได้คะแนนค่าเฉลี่ยน้อยที่สุดคือ ความเหมาะสมกับความต้องการ (M = 4.03)  ซึ่งโปรแกรมแชทบอททำให้กลุ่มตัวอย่างสามารถเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง

เอกสารอ้างอิง

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2566). รายงานประจำปีกองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ พ.ศ. 2566. กระทรวงสาธารณสุข.

เกศปรียา แก้วแสนเมือง. (2558). พฤติกรรมการใช้และความพึงพอใจจากแอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) ของผู้ที่อยู่ในกลุ่มอายุ 25-45 ปีในเขตกรุงเทพมหานคร [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต]. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ธนันณัฏฐ สิงห์วิเศษ, พิมพ์พรรณ ศิลปะสุวรรณ, ปรารถนา สถิตย์วิภาวี, และราม รังสินธุ์ (2560). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ ในวัยรุ่นชายไทย ที่รับเข้าเป็นทหารกอง ประจำการ. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 31(ฉบับพิเศษ), 139–162.

บุญชม ศรีสะอาด และ บุญส่ง นิลแก้ว. (2554). การอ้างอิงประชากรเมื่อใช้เครื่องมือแบบมาตราส่วน ประมาณค่ากับกลุ่มตัวอย่าง. Journal of Educational Measurement Mahasarakham University, 3(1), 22-25.

ภาสกร คุ้มศิริ, ธีราพร กิตติวงค์โสภา, ศศิญา จันทร์แก้ว, และอัสมะ เซ็งสะ. (2567). ความสามารถในการใช้งานกับความพึงพอใจของบริการแชทบอทให้การปรึกษาด้านสุขภาพจิต. วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย, 32(3), 213-223

วัชราภรณ์ เปาโรหิตย์, นิตยา สุขแสน, สุพัตรา ปิ่นแก้ว, และเรวัติ วัชรสิทธิ์. (2566). โปรแกรมการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่อความรู้ ทัศนคติ และการรับรู้ความรุนแรงของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในทหารกองประจำการ. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 34 (1), 58-71.

สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค. (2561). รายงานผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี ทหารกองประจำการ พนักงานชายและหญิงในสถานประกอบกิจการ ประเทศไทยปี พ.ศ. 2561. กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค.

สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม. (2565). การสำรวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2565. กองสถิติพยากรณ์.

สุภัค วงษ์วรสันต์, จรัญญา หุ่นศรีสกุล, อัจฉรา วัฒนาภา, และเดชา วรรณพาหุล. (2566). ผลของโปรแกรมแชทบอสร้างเสริมสุขภาพช่องปากต่อความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุ. วิทยาสารทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 26(1), 33-43.

Boehm, B. W. (1988). A spiral model of software development and enhancement. IEEE Computer. 5, 61-72

Karri, S. P. R., & Kumar, B. S. (2020). Deep learning techniques for implementation of chatbots. In IEEE, International conference on computer communication and informatics (ICCCI) (pp. 1-5). IEEE Xplore. https://ieeexplore.ieee.org/document/9104143

Laymouna, M., Ma, Y., Lessard, D., Schuster, T., Engler, K., & Lebouché, B. (2024). Roles, users, benefits, and limitations of chatbots in health care: Rapid review. Journal of Medical Internet Research, 26, e56930.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-09-02

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย