The Effect of Specifically Thai Traditional Massage Treatment with Low Back Pain
Keywords:
Specifically Thai traditional massage, Low back pain, Thai traditional medicineAbstract
This research was quasi-experimental with one group pretest-posttest study design. The aim of this research was to study the effect of specifically Thai Traditional massage treatment on low back pain. The sample group consisted of 30 patients selected through purposive sampling and diagnosis using Thai traditional medicine practitioner. Data were collected from the quality of life (QOL) questionnaire, the numeric rating scale (NRS), and the modified Oswestry low back pain disability questionnaire (modified ODQ) The participants were treated specifically with Thai Traditional massage once a week for 15 minutes for 4 weeks. The data was analyzed using descriptive statistics and inferential statistics with a Paired t-test. The study’s findings revealed that the numeric rating scale decreased before and after treatment for 4 weeks (week 1 = 4.90 ± 0.84, 3.66 ± 1.09), (week 2 = 4.20 ± 0.92, 3.03 ± 0.92), (week 3 = 3.30 ± 0.83, 2.20 ± 0.76), (week 4 = 2.50 ± 0.82, 1.10 ± 0.84) and the Modified Oswestry low back pain decreased after treatment for 4 weeks (14.96 ± 7.85, 10.70 ± 5.61, 7.10 ± 4.26, 3.16 ± 2.76). Moreover, the quality of life increased after the second consecutive treatment. There is evidence that the specifically Thai Traditional massage treatment for low back pain can reduce pain levels, which is ideal for patients with limited time.
References
จันทรรัตน์ เลิศทองไทย และชัยชนะ นิ่นนวล. (2557). คุณภาพชีวิตในผู้ป่วยปวดหลังส่วนล่างเรื้อรังจากโรคทางระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ. เวชศาสตร์ร่วมสมัย, 58(4), 419-431.
ธิติมา ณรงค์ศักดิ์, นภาพิศ ฉิมนาคบุญ และศิริศิลป์ ไชยเชษ. (2562). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดหลังส่วนล่างของบุคลากรสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา. วารสารสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา, 13(1), 21-33.
นันทวัน ปนมาศ. (2563). ผลการรักษาผูปวยปวดหลังสวนลางจากภาวะหมอนรองกระดูกทับเสนประสาทระหวางวิธีดึงหลังรวมกับประคบรอนและการบริหารหลังดวยเทคนิคแมคเคนซี่กับวิธีดึงหลังรวมกับประคบรอน. พุทธชินราชเวชสาร, 37(3), 282-93.
ปัทมา ผ่องศิริ, กุลธิดา กุลประฑีปัญญา, นันทรียา โลหะไพบูลย์กุล, สอาด มุ่งสิน และพิสมัย วงศ์สง่า. (2561). คุณภาพชีวิต ภาวะสุขภาพจิตและความสามารถในการช่วยเหลือตนเองของผู้สูงอายุ: กรณีศึกษาเขตเมือง อุบลราชธานี. วารสารเกื้อการุณย์, 25(2), 137-151.
พงษ์ศิริ ปัดถาวะโร, สรรใจ แสงวิเชียร และศุภะลักษณ์ ฟักคำ. (2562). ประสิทธิผลของการนวดราชสำนักในการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างเฉียบพลัน โรงพยาบาลปากคาด จังหวัดบึงกาฬ. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น, 16(2), 376-387.
พัชรินทร์ น้อยสุวรรณ, วีระพร ศุทธากรณ์ และวันเพ็ญ ทรงคำ. (2562). ผลของโปรแกรมโรงเรียนปวดหลังต่ออาการปวดหลังส่วนล่างและความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ของเกษตรกรชาวนา. พยาบาลสาร, 43(6), 142-156.
พิชญาภา อินทร์พรหม และพิชญาภา อัตตโนรักษ์. (2563). ผลการนวดไทยแบบราชสำนักต่อพิสัยการเคลื่อนไหวความโค้งของหลังส่วนล่างและระดับความปวดในผู้ป่วยกลุ่มอาการปวดหลังส่วนล่าง. วารสารเกื้อการุณย์, 27(2), 130-143.
พีรดา จันทร์วิบูลย์ และศุภะลักษณ์ ฟักคำ. (2552). ประสิทธิผลของการนวดแบบราชสำนักในการรักษากลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อหลังส่วนบนของผู้มารับรับบริการในศูนย์วิชิาชีพแพทย์แผนไทยประยุกต์ (รายงานการวิจัย). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.
วิภาดา ศรีเจริญ และนิธิพงศ์ ศรีเบญจมาศ. (2558). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการปวดหลังของบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม. วารสารวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 17(2), 252-260.
สุกัญญา อังศิริกุล, น้ำอ้อย ภักดีวงศ์ และวารินทร์ บินโฮเซ็น. (2559). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพในผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 24(1), 39-50.
สุพิชชพงศ์ ธนาเกียรติภิญโญ, ประภาส โพธิ์ทองสุนันท์ และสมรรถชัย จำนงค์กิจ. (2556). ผลของการดึงกระดูกสันหลังส่วนเอวใต้นํ้าร่วมกับการออกกำลังกายในนํ้าสำหรับผู้ที่มีอาการปวดหลังส่วนล่างเรื้อรัง. วารสารเทคนิคการแพทย์เชียงใหม่, 46(3), 232-249.
อมรรัตน์ แสงใสแก้ว, จุรีรัตน์ กอเจริญยศ, บุญรอด ดอนประเพ็ง และมารศรี ศิริสวัสดิ์. (2562). ผลของโปรแกรมส่งเสริมกิจกรรมทางกายในขณะปฏิบัติกิจวัตรประจำวันต่ออาการปวดและภาวะจำกัดความสามารถในผู้ที่ปวดหลังส่วนล่างไม่ทราบสาเหตุ. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 39(1), 93-104.
Chow, S. C. Shao, J., & Wang H. (2008). Sample size calculations in clinical research. London: Chapman & Hall/CRC.
Delitto, A., George, S. Z., Van Dillen, L., Whitman, J. M., Sowa, G., Shekelle, P., ... & Werneke, M. (2012). Low back pain: Clinical practice guidelines linked to the international classification of functioning, disability, and health from the orthopaedic section of the american physical therapy association. Journal of Orthopaedic & Sports Physical Therapy, 42(4), A1-A57.
Furlan, A. D., Imamura, M., Dryden, T., & Irvin, E. (2009). Massage for low back pain: An updated systematic review within the framework of the cochrane back review group. Spine, 34(16), 1669-1684.
Jamison, R. N., Raymond, S. A., Slawsby, E. A., McHugo, G. J., & Baird, J. C. (2006). Pain assessment in patients with low back pain: Comparison of weekly recall and momentary electronic data. The Journal of Pain, 7(3), 192-199.
Downloads
Published
Issue
Section
License
Copyright (c) 2023 Christian University of Thailand

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.