การพัฒนารูปแบบการจัดการตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง

ผู้แต่ง

  • เสาวภา เล็กวงษ์ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • อรพรรณ บุญลือ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • นิศารัตน์ รวมวงษ์ วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก
  • นุชนาถ โรจนธรรม โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองบัว อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี

คำสำคัญ:

รูปแบบการจัดการตนเอง, การป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง, ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาและศึกษาผลของรูปแบบการจัดการตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ประกอบด้วย 5 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาปัญหาและความต้องการในการสนับสนุนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดการตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง ระยะที่ 3 ทดลองใช้รูปแบบการจัดการตนเอง กับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง จำนวน 10 คน ระยะที่ 4 ปรับปรุงรูปแบบการจัดการตนเอง และระยะที่ 5 ประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการตนเอง กับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองที่มารับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองบัว อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี จำนวน 50 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง รูปแบบการจัดการตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง คู่มือการจัดการตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง แบบบันทึกข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามพฤติกรรมการจัดการตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง มีค่าความเชื่อมั่น .80 และแบบประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ดำเนินการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 ถึงเดือนกรกฎาคม 2564 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ paired t-test และการสรุปประเด็น

ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบการจัดการตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง มีกิจกรรมหลัก คือ การให้ความรู้ การแจกคู่มือการจัดการตนเอง การบันทึกข้อมูลสุขภาพ การตั้งเป้าหมาย การประเมินภาวะสุขภาพ และการตัดสินใจเลือกวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 2) หลังการใช้รูปแบบการจัดการตนเอง ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการจัดการตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการจัดการตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 3.592, p < .01) และ 3) หลังการใช้รูปแบบการจัดการตนเอง ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองมีคะแนนเฉลี่ยความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมองต่ำกว่าก่อนการใช้รูปแบบการจัดการตนเองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t = 2.072, p < .05)

จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า พยาบาลชุมชนควรนำรูปแบบการจัดการตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองนี้ ไปประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมการจัดการตนเอง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของตนเอง และป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

เอกสารอ้างอิง

กฤติจิรา เตชะรุจิรา, วีนัส ลีฬหกุล, และศากุล ช่างไม้. (2562). ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดของบุคลากรที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมในโรงพยาบาลเอกชน. วารสารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์, 15(2), 14–33.

คณิตตา อินทบุตร. (2563). ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองร่วมกับแรงสนับสนุนทางสังคมในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่ ที่ควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้. วารสารวิชาการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา, 26(1), 73–83.

ชดช้อย วัฒนะ. (2558). การสนับสนุนการจัดการตนเอง: กลยุทธ์ในการส่งเสริมการควบคุมโรค. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 26(เพิ่มเติม 1), 117–127.

ชื่นชม สมพล, ทัศนีย์ รวิวรกุล, และพัชราพร เกิดมงคล. (2560). ผลของโปรแกรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองสำหรับผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง. วารสารพยาบาลสาธารณสุข, 31(พิเศษ), 57–74.

ดาราวรรณ รองเมือง. (2561). การทบทวนทฤษฎีทางพฤติกรรมศาสตร์ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคอ้วน. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า, 35(1), 77–92.

ดารินทร์ อารีย์โชคชัย. (2560). โรคหลอดเลือดสมอง…กับ ปัจจัยเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได้. จับตาโรคและภัยสุขภาพ, 4(5). สืบค้นจาก file:///C:/Users/Admin/Downloads/final_20_04_2560_1494295691.pdf

ประเพ็ญพร ชำนาญพงษ์, และลัฆวี ปิยะบัณฑิตกุล. (2559). การป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชนกึ่งเมือง. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 4(3), 325–340.

ปริญญ์ วาทีสาธกกิจ. (ม.ป.ป.). Thai CV risk score. สืบค้นจาก http://thaincd.com/document/file/download/powerpoint/THAICV~1.PDF

พันทิพพา บุญเศษ, และลัฆวี ปิยะบัณฑิตกุล. (2561). ผลของโปรแกรมการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในกลุ่มเสี่ยงสูง ตำบลห้วยบง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ. วารสารโรงพยาบาลสกลนคร, 21(2), 28–41.

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองบัว อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี. (2563). ข้อมูลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในจังหวัดจันทบุรี ปี พ.ศ. 2563. จันทบุรี: ผู้แต่ง.

ละอองดาว คำชาตา, ชดช้อย วัฒนะ, และธีรนุช ห้านิรัติศัย. (2560). ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเอง เส้นรอบวงเอว ระดับน้ำตาลในเลือด และความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ที่มีกลุ่มอาการเมตาโบลิก. พยาบาลสาร, 44(3), 65–76.

สมชัย อัศวสุดสาคร, สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ, และสาวิตรี วิษณุโยธิน. (2562). การบูรณาการระบบบริการสุขภาพเพื่อคัดกรองและลดกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด จังหวัดนครราชสีมา 2560–2561. วารสารกรมการแพทย์, 44(5), 150–157.

สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2560). คู่มือการประเมินโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต) สำหรับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.). กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์.

สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค. (2561). รายงานประจำปี 2561. กรุงเทพฯ: อักษรกราฟฟิค แอนด์ ดีไซน์.

สุพัตรา สิทธิวัง. (2560). ผลของโปรแกรมส่งเสริมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมสุขภาพและระดับความดันโลหิต ของผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้ (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

อารีย์ เสนีย์. (2557). โปรแกรมการจัดการตนเองในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. วารสารพยาบาลทหารบก, 15(2), 129–134.

Creer, L. T. (2000). Self-management of chronic illness. In M. Boekaerts, P. R. Pintrich, & M. Zeidner (Eds.). Handbook of self-regulation (pp. 601–629). San Diego, CA: Academic Press.

Jiang, W., Zhang, Y., Yan, F., Liu, H., & Gao, R. (2020). Effectiveness of a nurse-led multidisciplinary self-management program for patients with coronary heart disease in communities: A randomized controlled trial. Patient Education and Counseling, 103(4), 854–863. doi:10.1016/j.pec.2019.11.001

Nguyen, N. T., Douglas, C., & Bonner, A. (2019). Effectiveness of self-management programme in people with chronic kidney disease: A pragmatic randomized controlled trial. Journal of Advanced Nursing, 75(3), 652–664. doi:10.1111/jan.13924

Suwanwela, N. C. (2014). Stroke epidemiology in Thailand. Journal of Stroke, 16(1), 1–7. doi:10.5853/jos.2014.16.1.1

World Stroke Organization. (2018). World Stroke Organization (WSO) Annual Report 2018. Geneva: Author. Retrieved from https://www.world-stroke.org/assets/downloads/Annual_Report_2018_online_fnal_COMPRESSED.pdf

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-12-29

รูปแบบการอ้างอิง

เล็กวงษ์ เ., บุญลือ อ., รวมวงษ์ น., & โรจนธรรม น. (2022). การพัฒนารูปแบบการจัดการตนเองเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี, 33(2), 175–189. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/pnc/article/view/260214

ฉบับ

ประเภทบทความ

รายงานการวิจัย (Research Report)