การพัฒนารูปแบบการจัดการทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยวิกฤตทางศัลยกรรมระบบประสาท
คำสำคัญ:
รูปแบบการจัดการทางการพยาบาล, แผลกดทับ, ผู้ป่วยวิกฤตทางศัลยกรรมระบบประสาทบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนารูปแบบและศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยวิกฤตทางศัลยกรรมระบบประสาท โรงพยาบาลมหาสารคาม ประกอบด้วย 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาสถานการณ์ปัญหาและความต้องการ ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบการจัดการทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ ระยะที่ 3 นำรูปแบบการจัดการทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับไปใช้ เพื่อตรวจสอบประสิทธิผล ในกลุ่มผู้ป่วยวิกฤตทางศัลยกรรมระบบประสาท จำนวน 120 คน และพยาบาลวิชาชีพ จำนวน 18 คน และระยะที่ 4 ประเมินผล ปรับปรุงแก้ไข และยืนยันคุณภาพรูปแบบ เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลแผลกดทับ แนวคำถามการสนทนากลุ่ม แบบประเมินโครงสร้างรูปแบบการจัดการทางการพยาบาล แบบประเมินการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ มีค่าความเชื่อมั่น 1 แบบประเมินสมรรถนะทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ มีค่าความเชื่อมั่น .82 และแบบสอบถามความคิดเห็นต่อรูปแบบการจัดการทางการพยาบาล มีค่าความเชื่อมั่น .87 ดำเนินการวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูลในช่วงเดือนตุลาคม 2563 ถึงเดือนมีนาคม 2565 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Chi-square test, Mann-Whitney U test และวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบการจัดการทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) ปัจจัยนำเข้า มี 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ นโยบายและแผนพัฒนางาน โครงสร้างการบริหารการพยาบาล บทบาทและหน้าที่ของหัวหน้าหอผู้ป่วยและผู้นิเทศทางการพยาบาล สมรรถนะทางการพยาบาลของพยาบาล และการสนับสนุนด้านต่างๆ ที่เอื้อต่อการปฏิบัติการพยาบาล (2) กระบวนการ ประกอบด้วย การดำเนินการตามกรอบกระบวนการดูแลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ P-PECS Framework ได้แก่ การมีส่วนร่วมของทีมสหสาขาวิชาชีพ (participation) การดูแลแบบผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง (patients center) การใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ในการพยาบาล (evidence based practice) การพัฒนาสมรรถนะทางการพยาบาล (nursing competency enhancement) และการนิเทศทางการพยาบาล (nursing supervision) และ (3) ผลลัพธ์ เป็นการกำหนดตัวชี้วัดคุณภาพการบริการพยาบาลในการประเมิน 3 ด้าน ได้แก่ โครงสร้าง กระบวนการ และผลลัพธ์ 2) หลังการใช้รูปแบบ พบว่า ผู้ป่วยมีอัตราการเกิดแผลกดทับต่ำกว่าก่อนการใช้รูปแบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) พยาบาลวิชาชีพร้อยละ 100 ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการพยาบาลที่กำหนด พยาบาลวิชาชีพมีคะแนนเฉลี่ยสมรรถนะทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) และพยาบาลวิชาชีพส่วนใหญ่มีความคิดเห็นต่อคุณภาพของรูปแบบในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 86.54 และมีคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจต่อรูปแบบโดยรวมในระดับมาก (M = 4.35, SD = .87)
จากการวิจัยครั้งนี้มีข้อเสนอแนะว่า สถานบริการสุขภาพอื่นควรนำรูปแบบการจัดการทางการพยาบาลที่พัฒนาขึ้นไปใช้ในการป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยวิกฤตทางศัลยกรรมระบบประสาท
เอกสารอ้างอิง
กลุ่มงานการพยาบาลผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลมหาสารคาม. (2564). รายงานตัวชี้วัดประจำปี 2563 และการวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน. มหาสารคาม: โรงพยาบาลมหาสารคาม.
กองการพยาบาล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2562). แนวทางการจัดเก็บตัวชี้วัดการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาล ประจำปีงบประมาณ 2563. สืบค้นจาก https://skko.moph.go.th/dward/document_file/qa/common_form_upload_file/20191113141226_578732059.pdf
กิ่งกาญจน์ ทรัพย์เย็น, กนกทอง จาตุรงคโชค, และกฤตยา ตันติวรสกุล. (2562). การพัฒนารูปแบบการนิเทศทางการพยาบาลในคลินิกเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ โรงพยาบาลบ้านโป่ง. วารสารแพทย์เขต 4–5, 38(4), 300–317.
มณีนุช สุทธสนธิ์, และกาญจนา ปัญญาธร. (2562). ประสิทธิผลของการใช้แนวปฏิบัติการป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยอาการหนัก โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ, 37(4), 80–89.
ศศิธร พิชัยพงศ์. (2557). การวิเคราะห์สถานการณ์การป้องกันการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยสูงอายุบาดเจ็บสมองที่ได้รับการผ่าตัด หอผู้ป่วยศัลยกรรมชาย โรงพยาบาลลำพูน. สืบค้นจาก http://cmuir.cmu.ac.th/bitstream/6653943832/39897/1/ABSTRACT.pdf
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน). (2561). เป้าหมายความปลอดภัยของผู้ป่วยของประเทศไทย พ.ศ. 2561 Patient safety goals: SIMPLE Thailand 2018. กรุงเทพฯ: เฟมัส แอนด์ ซัคเซ็สฟูล.
สังวาลย์ ธนะแก้ว, และศศิธร พิชัยพงศ์. (2557). การพัฒนาแนวทางปฏิบัติการป้องกันแผลกดทับในผู้ป่วยศัลยกรรมชาย โรงพยาบาลลำพูน. วารสารสาธารณสุขล้านนา, 10(3), 173–182.
สำนักการพยาบาล กรมการแพทย์. (2551). มาตรฐานการพยาบาลในโรงพยาบาล (ปรับปรุงครั้งที่ 2) (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
สำนักการพยาบาล กรมการแพทย์. (2554). การประกันคุณภาพการพยาบาล: การประเมินคุณภาพการบริการพยาบาลผู้ป่วยหนัก. กรุงเทพฯ: สามเจริญพาณิชย์ (กรุงเทพ).
สุชาดา นิลบรรพต, อัมพรพรรณ ธีรานุตร, และปณิตา ลิมปะวัฒนะ. (2562). ปัจจัยทำนายการเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยวิกฤต. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ, 42(3), 1–10.
อุบลรัตน์ วิสุทธินันท์, และกฤตพัทธ์ ฝึกฝน. (2559). ผลการใช้แนวปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บที่ศีรษะระดับปานกลางและรุนแรงต่อการเกิดแผลกดทับและภาวะปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับการใช้เครื่องช่วยหายใจ. วารสารการพยาบาล การสาธารณสุข และการศึกษา, 17(3), 33–41.
Alderden, J., Rondinelli, J., Pepper, G., Cummins, M., & Whitney, J. (2017). Risk factors for pressure injuries among critical care patients: A systematic review. International Journal of Nursing Studies, 71, 97–114. doi:10.1016/j.ijnurstu.2017.03.012
Anderson, B. R. (2016). Improving health care by embracing Systems Theory. The Journal of Thoracic and Cardiovascular Surgery, 152(2), 593–594. doi:10.1016/j.jtcvs.2016.03.029
Dhandapani, M., Dhandapani, S., Agarwal, M., & Mahapatra, A. K. (2014). Pressure ulcer in patients with severe traumatic brain injury: Significant factors and association with neurological outcome. Journal of Clinical Nursing, 23(7–8), 1114–1119. doi:10.1111/jocn.12396
Donabedian, A. (2003). An introduction to quality assurance in health care. New York: Oxford University Press.
Edsberg, L. E., Black, J. M., Goldberg, M., McNichol, L., Moore, L., & Sieggreen, M. (2016). Revised National Pressure Ulcer Advisory Panel Pressure Injury Staging System: Revised Pressure Injury Staging System. Journal of Wound, Ostomy, and Continence Nursing, 43(6), 585–597. doi:10.1097/WON.0000000000000281
Guzman, J. L., McClanahan, R., & Vaughn, S. (2019). Development of guidelines for pressure ulcer prevention. Wounds Middle East, 6(1), 12–16. Retrieved from https://www.woundsinternational.com/uploads/resources/c40fc56577a0be24d26da79c1c18dc0f.pdf
Krupp, A. E., & Monfre, J. (2015). Pressure ulcers in the ICU patient: An update on prevention and treatment. Current Infectious Disease Reports, 17(3), 468. doi:10.1007/s11908-015-0468-7
Nassaji, M., Askari, Z., & Ghorbani, R. (2014). Cigarette smoking and risk of pressure ulcer in adult intensive care unit patients. International Journal of Nursing Practice, 20(4), 418–423. doi:10.1111/ijn.12141
Osis, S. L., & Diccini, S. (2020). Incidence and risk factors associated with pressure injury in patients with traumatic brain injury. International Journal of Nursing Practice, 26(3), e12821. doi:10.1111/ijn.12821
Tran, J. P., McLaughlin, J. M., Li, R. T., & Phillips, L. G. (2016). Prevention of pressure ulcers in the acute care setting: New innovations and technologies. Plastic and Reconstructive Surgery, 138(Suppl. 3), 232–240. doi:10.1097/PRS.0000000000002644
von Bertalanffy, L. (1969). General system theory: Foundations, development, applications (revised edition). New York: George Braziller.
Yoon, J. E., & Cho, O. H. (2022). Risk factors associated with pressure ulcers in patients with traumatic brain injury admitted to the intensive care unit. Clinical Nursing Research, 31(4), 648–655. doi:10.1177/10547738211050489
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อความ ข้อมูล และรายการอ้างอิงที่ผู้เขียนใช้ในการเขียนบทความเพื่อลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นความคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียน คณะผู้จัดทำวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วยหรือร่วมรับผิดชอบ
บทความที่ได้รับการลงตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี หากหน่วยงานหรือบุคคลใดต้องการนำส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของบทความไปเผยแพร่ต่อเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากบรรณาธิการวารสารก่อน