ผลของโปรแกรมการเยี่ยมบ้านและการติดตามทางโทรศัพท์ต่อระดับความดันโลหิต พฤติกรรมการดูแลสุขภาพและความเชื่อด้านสุขภาพของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชน

บทคัดย่อ

การวิจัยกึ่งทดลองแบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลังการทดลองนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเยี่ยมบ้านและการติดตามทางโทรศัพท์ต่อระดับความดันโลหิต พฤติกรรมการดูแลสุขภาพ และความเชื่อด้านสุขภาพของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชนแห่งหนึ่งในเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 ราย เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยจากสถานบริการสุขภาพว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงและได้รับการรักษาด้วยยา กลุ่มตัวอย่างได้รับโปรแกรมการเยี่ยมบ้านและการติดตามทางโทรศัพท์เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยปประกอบด้วย โปรแกรมการเยี่ยมบ้านและการติดตามทางโทรศัพท์ เครื่องวัดความดันโลหิต แบบสอบถามความเชื่อด้านสุขภาพ และแบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ ที่พัฒนาจากแนวคิดความเชื่อด้านสุภาพ มีความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ0.95 และ 0.93 และมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาคเท่ากับ 0.71 และ 0.72 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และการทดสอบค่าที (t-test)

            ผลการวิจัยพบว่าค่าเฉลี่ยความดันโลหิตซิสโตลิก (Systolic blood pressure) และไดแอสโตลิก (Diastolic blood pressure) หลังได้รับโปรแกรมลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติจาก 138.60 เป็น 134.47 มิลลิเมตรปรอท (p < .001) และ จาก 83.5 เป็น 80.4 มิลลิเมตรปรอท (p = .007) ตามลำดับ คะแนนเฉลี่ยความเชื่อด้านสุขภาพ และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพหลังได้รับโปรแกรมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จาก79.87 เป็น 84.73 คะแนน (p < .001)  และ คะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ จาก 44.53เป็น 48.73 คะแนน (p < .001)  ดังนั้นโปรแกรมการเยี่ยมบ้านและการติดตามทางโทรศัพท์มีผลต่อการเสริมสร้างความเชื่อด้านสุขภาพ และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตในชุมชน ส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ดีขึ้น ซึ่งมีความสำคัญต่อการป้องกันความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง อันเป็นภาวะแทรกซ้อนสำคัญของโรคความดันโลหิตสูง