การพัฒนาแนวทางการจัดบริการพยาบาลอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองด้วยการมีส่วนร่วมของเครือข่ายสุขภาพโรงพยาบาลหัวหิน
คำสำคัญ:
การดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง, ระบบบริการพยาบาลต่อเนื่อง, กระบวนการมีส่วนร่วมบทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์การดูแลผู้ป่วยโรค
หลอดเลือดสมอง และการพัฒนาแนวทางการจัดบริการพยาบาลอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองของโรงพยาบาลหัวหินและเครือข่ายบริการ ดำเนินการวิจัย 3 ระยะ ได้แก่ 1) การวางแผนเพื่อเปลี่ยนแปลง โดยการศึกษาสภาพปัญหาและอุปสรรคของในการจัดบริการพยาบาลอย่างต่อเนื่องโดยการประเมินความรู้
ของประชาชนทั่วไปและ กลุ่มเสี่ยง และสัมภาษณ์ผู้ป่วยหลังเกิดโรคหลอดเลือดสมองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
กับระบบการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และนำข้อมูลไปพัฒนาแนวทางการจัดบริการพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับผู้ร่วมวิจัยประกอบด้วย แพทย์ พยาบาลผู้จัดการดูแล พยาบาลวิชาชีพ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 2) นำแนวทางการจัดบริการพยาบาลที่พัฒนาขึ้นไปทดลองใช้ และประเมินแนวทางการจัดบริการพยาบาลด้านกระบวนการร่วมกับการประเมินผลลัพธ์ทางคลินิก และ3.การสะท้อนกลับด้วยการถอดบทเรียนร่วมกันเพื่อการปรับปรุง เก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง การสนทนากลุ่ม แบบประมินความรู้ และแบบบันทึก วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยสถิติพรรณนา
ผลการศึกษาพบว่าสภาพปัญหาและอุปสรรคในการจัดบริการพยาบาลพบประเด็นที่ควรพัฒนาได้แก่1) ประชาชนขาดความรู้และทักษะเกี่ยวกับการประเมินอาการนำและการนำส่งผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะเฉียบพลับ 2) ประชาชนขาดประสบการณ์ตรงในการนำส่งผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในระยะเฉียบพลัน 3) ประชาชนขาดความตระหนักและตื่นตัวเกี่ยวกับความรุนแรงของโรคหลอดเลือดในสมอง และ 4) ขาดการให้บริการสุขภาพที่บูรณาการระหว่างผู้ส่วนได้ส่วนเสีย จากประเด็นดังกล่าวนำเข้าสู่การพัฒนาด้วยกระบวนการ AIC ได้แนวทางการดำเนินงานดังนี้ 1) สร้าง Community Stroke Team 2) กิจกรรมรู้ไว ปลอดภัย ลดความพิการ 3) การจัดบริการพยาบาลอย่างต่อเนื่อง Smart DHC ผลลัพธ์ด้านกระบวนการ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม สามารถประเมินอาการนำโรคหลอดเลือดสมองได้ ค่าเฉลี่ยของเวลาในการซ้อมแผนนำส่งผู้ป่วย 196.25 นาที และผู้ให้บริการและเครือข่ายสุขภาพมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และผลลัพธ์ทางคลินิก ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองในระยะฉุกเฉินเข้ารับการรักษาก่อนเวลา 210 นาที และกลุ่มผู้ป่วยหลังหลอดเลือดสมองที่เข้าสู่การดูแลด้วยการจัดบริการพยาบาลอย่างต่อเนื่อง Smart DHC พบภาวะแทรกซ้อนหลังโรคหลอดเลือดสมอง ร้อยละ 18.18 และได้รับการแก้ไขจาก Community Stroke Team จนไม่มีเข้ารับการรักษาซ้ำในโรงพยาบาล การถอดบทเรียนพบว่า แนวทางการจัดบริการพยาบาลที่พัฒนาขึ้นทำให้เกิดความคล่องตัวในการทำงานตามบทบาทหน้าที่ของตน กิจกรรมช่วยสร้างความตระหนักในการดูแลตนเองของชุมชน แต่ควรเพิ่มทักษะในการฟื้นฟูปัญหาสุขภาพให้กับ Community Stroke Team การศึกษาวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมนี้นำเสนอข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับสถานะการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในปัจจุบัน และให้คำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับการปรับปรุงคุณภาพการพยาบาลอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ลักษณะการทำงานร่วมกันของกระบวนการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ทำให้แน่ใจได้ว่าการแทรกแซงที่เสนอมีความเกี่ยวข้องและนำไปใช้ได้ภายในบริบทของโรงพยาบาลหัวหินและเครือข่าย
ของโรงพยาบาลหัวหิน
เอกสารอ้างอิง
World Stroke Organization: (WSO). Up again after stroke. [Internet]. 2022 [cited 2022 October 30]. Available from: http://www.worldstrokecampaign.org/.
Tiamkao S. Recurrent ischemic stroke in Srinagarind Hospital. Journal of Neurology, Eastern Region 2011; 6: 31-38. (in thai)
Ministry of Public Health Policy and Strategy Office, Ministry of Public Health. National 20-Year Health Strategy (Health Sector). [Internet]. (2016). [Accessed January 10, 2023]. Available from: http://www.oic.go.th/FILEWEB/CABINFOCENTER2/DRAWER023/GENERAL/DATA0000/00000077.PDF.
Hua Hin Hospital. Summary of the development of stroke care services in 2022. Nursing Department, Hua Hin Hospital; 2022. (in thai)
Suradej Duangtipasirkul, Porntip Vachirachattilak, Teera Sirisombat, and Thira Sirisamut. Report on the Study of Emergency Medical Service Situation and Quality Improvement in Emergency Stroke Care. Nonthaburi: Emergency Medicine Institute; 2022. (in thai)
Emergency Medicine College of Thailand. Guidelines for the Treatment and Administration of Thrombolytic Therapy for Acute Ischemic Stroke Outside of Hospitals and in Emergency Rooms, 2020. Bangkok: Phramongkutklao Hospital; 2020. (in thai)
Miller EJ, Rice AK, editors. Systems of organization: The control of task and sentient boundaries. Routledge; 2013.
Kemmis S, McTaggart R. Participatory Action Research. In: Denzin NK, Lincoln YS, editors. Handbook of Qualitative Research. London: SAGE Publications Ltd.; 2000.
p. 567-605.
Michie S, van Stralen MM, West R. The behavior change wheel: A new method for characterising and designing behavior change interventions. Implementation Science. 2011;6:42. doi:10.1186/1748-5908-6-42.
Soto-Cámara R, González-Bernal JJ, González-Santos J, Aguilar-Parra JM, Trigueros R, López-Liria R. Knowledge on signs and risk factors in stroke patients. J Clin Med. 2020 Aug 7;9(8):2557. doi:10.3390/jcm9082557. PMID: 32784554; PMCID: PMC7463706.
Bandura A. Self-efficacy: The exercise of control. New York: W.H. Freeman and Company; 1997.
Poopitukkul J, Jokkrajai P, Ruangkhruawong S. Recognition of stroke signs and symptoms among stroke victims and their families. Journal of Thai Interdisciplinary Research. 2018; 13(6): 38-43. (in thai)
Rogers RW. Cognitive and physiological processes in fear appeals and attitude change: A revised theory of protection motivation. In: Cacioppo J, Petty R, editors. Social Psychophysiology. New York: Guilford Press; 1983.
Aneksak W, Seubniam S, Ninwanapa S. Perceived stroke warning signs among hypertensive patients, Suddhavej Hospital, Maha Sarakham Province. Academic Journal of Community Public Health. 2019; 5(4): 27-37. (in thai)
The Healthcare Accreditation Institute (Public Organization). Public Health Center Standards, 2nd Edition 2565
Kultipat A, Tohthong W, Sukmueang J,The Development of Comprehensive Care Stroke Patients in Phetchabun Hospital Network 2017; Region 11 Medical Journal. 31;619 – 630 (in thai)
Schoenfelder, J., Zarrin, M., Griesbaum, R. et al. Stroke care networks and the impact on quality of care. Health Care Manag Sci 25, 24–41 (2022). https://doi.org/10.1007/s10729-021-09582-0
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 สมาคมพยาบาลสาธารณสุขไทยฯ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ตีพิมพ์และแผนภูมิรูปภาพถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาธารณสุข (Thai Public Health Nurses Association)
