ผลของโปรแกรมการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม เพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตันสำหรับผู้สูงอายุ โรคเบาหวานที่มีโรคความดันโลหิตสูงร่วม
คำสำคัญ:
Perpheral arteral disease, Orem’s nursing theory, Diabetes melltitus and Hypertension., โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน, ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็มบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการทดลองแบบสองกลุ่ม วัดก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็มเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตันในผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานที่มีโรคความดันโลหิตสูงร่วม ที่อยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งในเขตบางซื่อ จังหวัดกรุงเทพมหานคร แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง (n=28 คน) ซึ่งได้รับโปรแกรมการประยุกต์ใช้ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็มเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ กลุ่มควบคุม (n =28 คน) ได้รับการพยาบาลตามปกติ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบสัมภาษณ์ในระยะก่อนการทดลอง และหลังการทดลอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน Chi-square,Paird t-test และ Independent t-test
ผลการวิจัย หลังการทดลองกลุ่มทดลอง มีคะแนนเฉลี่ยความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตันและพฤติกรรมป้องกันโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตันสูงกว่าการทดลองและสูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < .0001) และในกลุ่มทดลอง มีค่าน้ำตาลปลายนิ้ว(DTX) ลดลงกว่าก่อนการทดลองและลดลงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < .0001) ดังนั้น การพยาบาลโดยการประยุกต์ทฤษฎีการพยาบาลของโอเร็ม มีความเหมาะสมในการนำไปใช้ในการดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคเบาหวานที่มีโรคความดันโลหิตสูงร่วม ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตันของผู้สูงอายุ
เอกสารอ้างอิง
References
Falconer TM, Eikelboom JW, Hankey GJ, et al. Management of peripheral arterial disease in the elderly: focus on cilostazol. Clin Inter Aging 2008;3:17-23
Fowkes FGR, Rudan D, Rudan I, Aboyans V, Denenberg JO, McDermott MM, et al. Comparison of global estimates of prevalence and risk factors for peripheral artery disease in 2000 and 2010: a systematic review and analysis. Lancet. 2013; 382:1329–40.
Federman DG, Bravata DM, Kirsner RS. Peripheral arterial disease. A systemic disease extending beyond the affected extremity. Geriatrics. 2004; 59: 26,29–30.
Liles DR, Kallen MA, Petersen LA, Bush RL. Quality of life and peripheral arterial disease. J Surg Res 2006; 136 (2) 294-301
Criqui MH, Aboyans V. Epidemiology of peripheral artery disease. Circ Res 2015; 116: 1509–1526.
Orem DE, Taylor SG and Renpenning KM. Nursing: Concepts of practice. St Louis: Mosby, 2001.
Ford, J. D., Courtois, C. A., Steele, K., Hart, O. V. D., & Nijenhuis, E. R. (2005). Treatment of complex posttraumatic self-dysregulation. Journal of Traumatic Stress: Official Publication of the International Society for Traumatic Stress Studies, 18(5), 437–447
Benjawan Sopittapan (2016). Knowledge and self-care practice in patients with
Peripheral arterial occlusive disease. Thai Journal of Cardio-Thoracic Nursing Vol. 29 No.2 (July - December) 2018
Kritsana Doungkaew (2016). Effect of Educatiove supportive nursing system on self-care behaviors fasting plasm glucose and level of diabetic retinopathy in type 2 diabetic mellitus patients from http://hcuir.lib.hcu.ac.th:8080/xmlui/handle/123456789/320fill pdf
Ketchayanee Waenkaew (2014). Effects of a Supportive Educative Nursing Programon Knowledge and Self-care Behaviors of Older Adultswith Heart Failure J Public Health 2017; 47(1): 105-114
Collins TC, Beyth RJ, Nelson DB, et al. Process of care and outcomes in patients with peripheral arterial disease. J Gen Intern Med. 2007; 22: 942– 948.
Kotchakorn Thamnamsilp (2015). Effect of Self-Care promoting program on self-care behavior among older adult with Uncontroled Hypertension in Bangkok metropolitan Journal of Public Health Nursing, 29(2), 44–55.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 สมาคมพยาบาลสาธารณสุขไทยฯ
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ตีพิมพ์และแผนภูมิรูปภาพถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลสาธารณสุข (Thai Public Health Nurses Association)
