วิถีชีวิตส่งเสริมสุขภาพ การดูแลตนเอง การกำกับตนเอง และการรับรู้ความสามารถตนเองของนักศึกษาพยาบาล

บทคัดย่อ

         นักศึกษาพยาบาลควรเป็นตัวแบบด้านวิถีชีวิตในการส่งเสริมสุขภาพ ทั้งการดูแลตนเอง การกำกับตนเอง และการรับรู้ความสามารถตนเอง การวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิถีชีวิตส่งเสริมสุขภาพ การดูแลตนเอง การกำกับตนเอง และการรับรู้ความสามารถตนเอง ของนักศึกษาพยาบาล  กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาพยาบาลที่สุ่มแบบเจาะจง จำนวน 299 คน เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามวิถีชีวิตส่งเสริมสุขภาพ ด้านการดูแลตนเอง การกำกับตนเอง และการรับรู้ความสามารถตนเอง มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาช 0.79, 0.80 และ 0.85 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หาความสัมพันธ์ด้วยสถิติ สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และวิเคราะห์สถิติเชิงสาเหตุโดยวิเคราะห์การถดถอยแบบพหุคูณ

          ผลการศึกษาพบว่า นักศึกษาพยาบาลส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 93.6 อายุเฉลี่ย 23.4 ปี วิถีชีวิตส่งเสริมสุขภาพ ในภาพรวมด้านการดูแลตนเอง และการกำกับตนเองปฏิบัติค่อนข้างน้อย ส่วนการรับรู้ความสามารถตนเองมีการรับรู้ค่อนข้างมาก การดูแลตนเองที่ปฏิบัติน้อยที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ การตรวจสุขภาพ การจัดการปัญหาด้วยการคิดบวก และการออกกำลังกาย ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ พบว่า อายุและชั้นปีที่ศึกษามีความสัมพันธ์ทางบวกกับวิถีชีวิตส่งเสริมสุขภาพด้านการดูแลตนเอง การกำกับตนเอง และการรับรู้ความสามารถตนเอง การรับรู้ความสามารถตนเอง มีความสัมพันธ์ทางบวกกับการดูแลตนเอง และการกำกับตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01  ค่าใช้จ่าย สามารถทำนายความสามารถในการดูแลตนเองได้ร้อยละ 20 อายุและการศึกษาทำนายการกำกับตนเอง ร้อยละ 16 ส่วนการศึกษาและเพศสามารถทำนายการรับรู้ความสามารถตนเอง ร้อยละ 5  ดังนั้นควรมีการให้ความรู้ และสร้างแรงจูงใจให้นักศึกษาพยาบาลมีวิถีชีวิตส่งเสริมสุขภาพที่เหมาะสมทั้งด้านการดูแลตนเอง และการกำกับตนเอง ซึ่งจะเป็นการพัฒนาให้มีความตระหนักต่อการรับรู้ความสามารถตนเองต่อไป