ผลของกิจกรรมสร้างสรรค์เสริมภูมิคุ้มกันยาเสพติดต่อภูมิคุ้มกันยาเสพติดของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่
คำสำคัญ:
กิจกรรมสร้างสรรค์, ภูมิคุ้มกัน, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาบทคัดย่อ
การวิจัยแบบกึ่งทดลองครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาผลของกิจกรรมสร้างสรรค์เสริมภูมิคุ้มกันยาเสพติดต่อภูมิคุ้มกันยาเสพติดของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ในจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 21 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ กิจกรรมสร้างสรรค์เสริมภูมิคุ้มกัน และแบบประเมินภูมิคุ้มกันยาเสพติด ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 3 ท่าน หาค่าดัชนีความเที่ยงตรงตามเนื้อหาได้เท่ากับ 1.00 และ .80 ตามลำดับ ตรวจสอบความเชื่อมั่นของแบบประเมิน ได้เท่ากับ .70 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและการเปรียบเทียบแบบจับคู่
ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยของคะแนนภูมิคุ้มกันยาเสพติดหลังการได้รับกิจกรรมสร้างสรรค์เสริมภูมิคุ้มกันยาเสพติดทันที ระยะติดตาม 1 เดือนและ 3 เดือน สูงกว่าก่อนได้รับกิจกรรม (Mean = 154.90 S.D. = 19.37, Mean = 147.10 S.D. = 22.91, Mean = 142.70 S.D. = 26.74, Mean = 147.00 S.D. = 17.37 ตามลำดับ) เมื่อทดสอบความแตกต่าง พบว่า ค่าเฉลี่ยคะแนนภูมิคุ้มกันยาเสพติดหลังได้รับกิจกรรมสร้างสรรค์ ฯ ทันที และระยะติดตาม 3 เดือน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยระยะติดตาม 3 เดือนมีค่าเฉลี่ยน้อยกว่าหลังได้รับกิจกรรมทันที
ดังนั้นกิจกรรมสร้างสรรค์ ฯ เป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันยาเสพติดได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำกิจกรรมสร้างสรรค์ ฯ บูรณาการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในโครงการโรงเรียนสีขาวโดยปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับนักเรียนในแต่ละระดับชั้น และมีการทบทวนเนื้อหาให้กับนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดการคงอยู่ของความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
เอกสารอ้างอิง
กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน. (2563). รายงานสถิติคดีประจำปี พ.ศ. 2563. http://www.djop.go.th/images/djopimage/year63-2.pdf.
กรมสุขภาพจิต. (2562). สำรวจพฤติกรรมวัยรุ่นไทยหนักสุดติดยา. https://dmh.go.th/news-dmh/view.asp?id=28478.
กุสุมา สว่างพันธุ์. (2558). ภูมิคุ้มกันยาเสพติดและสารเสพติดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลายในเขตตำบลดอนสมบูรณ์ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น, 3(4), 498-513.
ทิศนา แขมมณี. (2560). ศาสตร์การสอน: องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 21). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธีรวัฒน์ พงศ์ภาณุพัฒน์, และคณะ. (2565). ผลของโปรแกรมการสร้างเสริมทักษะชีวิตเพื่อป้องกันการเสพสารเสพติดของนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์. วารสารการแพทย์ โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 37(3): 559-568.
นภีพัชร เกษรา. (2562). การถอดบทเรียนความสำเร็จของโครงการ ครูแดร์ (D.A.R.E.) ประเทศไทย สำหรับการแก้ไขปัญหายาเสพติดในเด็กนักเรียน กรณีศึกษา กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 117 อำเภอเมือง จังหวัดตราด. การค้นคว้าอิสระ หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง. www3.ru.ac.th/mpa-abstract/files/2562_ 1582275307_6114830064.pdf.
นาถนภา นกดี. (2563). การศึกษาความสัมพันธ์ของภาระงานทางคลื่นสมองในการทำงานสองอย่างพร้อมกันจาก การจดจำระยะสั้น [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิตไม่ได้ตีพิมพ์]. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
บุษราภรณ์ ติเยาว์, ปาริชาติ วลัยเสถียร, และวิวัฒน์ หามนตรี. (2562). ขบวนการจิตอาสา : การขัดเกลาทางสังคมกับการพัฒนาตนของเยาวชนใน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 7(ฉบับเพิ่มเติม), 67-78.
วรางคณา จันทร์คง, และปาจรีย์ ผลประเสริฐ. (2561). แนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนนอกสถานศึกษา ในจังหวัดกําแพงเพชร. วารสารกฎหมายสุขภาพและสาธารณสุข, 4(1), 65-74.
ศรณรงค์ ปล่องทอง และคณะ. (2565). การประยุกต์ใช้โปรแกรมการเสริมสร้างความตระหนักต่อผลกระทบการใช้กัญชา ของเยาวชนนอกระบบ จังหวัดศรีสะเกษ. รายงานวิจัย. กรุงเทพฯ: ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.).
ศุลีวงศ์ สนสุผล, สุรีย์ จันทรโมลี, และประภาเพ็ญ สุวรรณ. (2561). ประสิทธิผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการเสพสารเสพติดในนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น จังหวัดบุรีรัมย์. รมยสาร, 16(1), 207-224.
สถาบันบําบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี. (2563). จำนวนและร้อยละของผู้ป่วยยาเสพติดทั้งหมด ปีงบประมาณ 2565-2566. http://www.pmnidat.go.th/thai/index.php?option=com_content&task=view&id=4596&Itemid=53.
สุริยัน บุญแท้. (2563). โครงการสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมการใช้สารเสพติด: กรณีศึกษาประชาชนอายุ 15 - 65 ปี ใน 20 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.).
สุกานดา จันทวารีย์, และสุทธิพันธ์ อรัญญวาส. (2560). กลยุทธ์การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันยาเสพติดในสถานศึกษา. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 17(3), 389-401.
สุทธญาณ์ จําปาทอง, จําเนียร พลหาญ, และอุรสา พรหมทา. (2564). รูปแบบการพัฒนาทักษะชีวิตของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 21(4), 129-141.
สุวพันธุ์ คะโยธา, และวุธิพงศ์ ภักดีกุล. (2561). ปัจจัยเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดและปัจจัยที่มีผลต่อการป้องกันยาเสพติดของเยาวชนในโรงเรียนมัธยมศึกษา เขตเทศบาลนครสกลนคร. วารสารโรงพยาบาลสกลนคร, 21(3), 85-95.
สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรมยาเสพติด. (2558). แนวทางการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิตเพื่อการสร้างภูมิคุ้มกันปัญหายาเสพติด ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด. (2566). นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด (พ.ศ. 2566-2570). กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด.
Atkinson, R. C., & Shiffrin, R. M. (1968). Human memory: a proposed system and its control processes. In: Spence KW, Spence JT, editors. The psychology of learning and motivation (Volume 2). Academic Press.
Locke, A. E., & Latham, P. G. (1990). A theory of goal setting and task performance. Prentice-Hall.
Prochaska, J. O., & DiClemente, C. C. (1984). The transtheoretical approach: Crossing the traditional boundaries of therapy. Dow-Jones/Irwin.
United Nations Office on Drugs and Crime. (2023). World drug report 2023 [Internet]. United Nations Publication. http://www.unodc.org/res/WDR-2023/WDR23_Exsum_fin_DP.pdf
Yaimai, W., Oopakarn, K., Phumvichitr, C., Anukulkijkul, C., Pornnoparat, N., Yindeepolcharoen, N., Uthong, N., Charoenjai, N., Rachapongthai, N., Theeraphanvikul, R., Ruamma, S., Soontrapornchai., Srimahachota, S., Rattanasumawong, W., Rangsin, R., and Sakboonyarat, B. (2019). Prevalence and associated risk factors of substance abuse among adolescents in rural communities, central Thailand: a cross-sectional study. Journal of Southeast Asian Medical Research, 3(2), 73-81.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลที่เผยแพร่ในวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์บทความโดยตรง
บทความ เนื้อหา ข้อมูล รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่หรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องอ้างอิงวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามทุกครั้ง