Factors Influencing to Preventive Behaviors for Coronavirus Disease 2019 of Thai and Migrant Workers in Bang Sao Thong District, Samutprakarn Province

Authors

  • Kwanruen Kawitu Faculty of Nursing, Siam University
  • Chaisit Thansuk Faculty of Nursing, Siam University
  • Narong Suksai ฺBang Sao Thong District Health Office

Keywords:

Influencing factors, Preventive Behaviors, Coronavirus Disease 2019, Workers

Abstract

       This research aimed to examine the preventive behavior for coronavirus disease 2019 (COVID-19) and factors affecting the preventive behaviors for coronavirus disease 2019 of Thai and migrant workers in Bang Sao Thong District, Samutprakarn Province. The sample were 420 people including 210 Thai workers and 210 migrant workers who work in Bang Sao Thong district, Samutprakarn province. Samples were selected by stratified random sampling technique. The data were collected during August 2022. The research instruments were questionnaires to assess demographic characteristics, health literacy, social support, attitude, towards coronavirus disease 2019, perception towards benefits and barriers of prevention behaviors, and the prevention behaviors of coronavirus disease 2019. All research instruments were validated in terms of content validity by three experts in the field. The Content validity index (CVI) was .96. The Cronbach’s alpha coefficient reliability of the questionnaire was tested yielding values of .81 and .77 respectively. The quantitative data were analyzed using multiple regression.  

          The results found that the worker had a high level of prevention behavior of coronavirus disease 2019 (Mean = 2.18, SD = .50). Multiple regression analysis revealed that the following factors were statistically significantly (p-value < 0.05) affected the preventive behaviors of Coronavirus disease 2019; health literacy (Beta = .134, p = .004), attitude (Beta = .234, p < .001), social support (Beta = .226, p < .001), perception in the barriers related to the coronavirus disease 2019 (Beta = -.081, p = .037) and perception in the benefit related to coronavirus disease 2019 (Beta = .244, p <  .001) were able to predict the prevention behavior of coronavirus disease 2019 at 53 percentages (R2 = .533, p < .001)

          The study results can be used as a guideline for defining plans and activity models in accordance with society such as activities to make people more knowledgeable, cope with emerging incidents in the future, and prepare workers to be ready for new ways of life.

References

ขนิษฐา ชื่นใจ และบุฏกา ปัณฑุรอัมพร. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจฉีดวัคซีนป้องกันโคโรนาไวรัส (Covid-19)ของประชากรในกรุงเทพมหานคร.สืบค้นจาก https://mmm.ru.ac.th/MMM/IS/twin9/6214154037.pdf

ชินาธิป นิสสะ. (2564). ความสัมพันธ์ระหว่าง ความเชื่อด้านสุขภาพกับพฤติกรรมการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจของผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรม. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. 10(2), 138–147.

เชาวลิต เลื่อนลอย. (2565).ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชนอำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย. วารสารสาธารณสุขและสุขภาพศึกษา. 2(1). 18-33.

ญาดา เรียมริมมะดัน, และศิรินันท์ คำสีม. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของแรงงานต่างด้าว ในจังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสาร มฉก วิชาการ. 21(42). 79-91.

ประกาย จิโรจน์กุล. (2556). แนวคิด ทฤษฎีการสร้างเสริมสุขภาพ และการนำมาใช้. นนทบุรี: โครงการสวัสดิการวิชาการ สถาบันพระบรมราชนก.

เพ็ญแข ดิษฐบรรจง, นงณภัทร รุ่งเนย, อัจฉรา สุขสำราญ และฉัตรทอง จารุพิสิฐไพบูลย์. (2565). ปัจจัยทํานายพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาตอนปลาย. วารสารสุขภาพและการศึกษาพยาบาล. 28(2) 1-17.

ยุซรอ เล๊าะแม, มยุรี ยีปาโล๊ะ และเขมพัทธ์ ขจรกิตติยา. (2564). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ของผู้ปกครองเด็กวัยก่อนเรียน. วารสารวิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี. 5(1). 12-25

ยุพา วงศ์ไชย และระพีพรรณ คําหอม. (2554). สถานภาพและบทบาทการดำเนินการส่งเสริมสุขภาพภาคเอกชนในประเทศไทย. คลังข้อมูลและความรู้ระบบสุขภาพ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.). สืบค้นจากhttps://kb.hsri.or.th/dspace/ handle/11228/1994?localeattribute=th

วัชราพร เชยสุวรรณ. (2560). ความรอบรู้ด้านสุขภาพ: แนวคิดและการประยุกต์สู่การปฏิบัติการพยาบาล. วารสารแพทย์นาวี. 44(3). 183-197.

วิญญ์ทัญญู บุญทัน, พัชราภรณ์ ไหวคิด, วิภาพร สร้อยแสง, ชุติมา สร้อยนาค, ปริศนา อัครธนพล, และ จริยาวัตร คมพยัคฆ์. (2563). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการสร้างเสริมสุขภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) ของผู้สูงอายุ. วารสารพยาบาลตำรวจ. 12(2). 323-337.

ศิรดา เขมานิฏฐาไท. สถานการณ์แรงงานข้ามชาติและการข้ามพรมแดนในช่วงการระบาดของโควิด-19. สืบค้นจาก https://mwgthailand.org/th/press/1639870217

สถานการณ์ด้านแรงงานภายในจังหวัดสมุทรปราการ ไตรมาส 3 ปี 2564 .สืบค้นเมื่อ 30 พ.ค. 65, จาก https://samutprakan.mol.go.th/news/สถานการณ์ด้านแรงงานภายในจังหวัดสมุทรปราการ ไตรมาส-3-ปี-2564-กรกฎาคม-กันยายน-2554

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข.(2541). นิยามศัพท์ส่งเสริมสุขภาพ (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: บริษัท ดีไซร์จำกัด.

สำนักงานข่าว กรมประชาสัมพันธ์. สืบค้นจาก https:// thainews. prd.go.th/th/news/detail/TCATG230506185137321

สำนักสารสนเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณะสุข. สืบค้นจากhttps://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/174113

สุภาภรณ์ วงธิ. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จังหวัดสุโขทัย. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยนเรศวร, พิษณุโลก.

สุมิตรา ชูแก้ว. (2555). ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติตามการรับรู้ของพยาบาลในการช่วยเหลือและสร้างเสริมสุขภาพของญาติผู้ดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง. รามาธิบดีพยาบาลสาร. 18(2). 249-258.

สุรัยยา หมานมานะ, โสภณ เอี่ยมศิริถาวร และสุมนมาลย์ อุทยมกุล. (2563).โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19).

วารสารสถาบันบำราศนราดู. 14(2). 124-133.

อภิวดี อินทเจริญ, คันธมาทน์ กาญจนภูมิ, กัลยา ตันสกุล และ สุวรรณา ปัตตะพัฒน์. (2564). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประชาชน ในเขต เทศบาลเมืองคอหงส์ จังหวัดสงขลา.วารสารสภาการสาธารณสุขชุมชน. 3(2). 19-30.

อุษณียาภรณ์ จันทร, พจนารถ สารพัด และศิริยุพา สนั่นเรืองศักดิ์. (2566). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวัยรุ่นตอนต้น. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี. 6(2). 82-89.

Becker, M. H. (1974). The health belief model and personal health behavior. Health education monographs, 2,324-473.

Bloom, B. S. (1964). Taxonomy of education objective: The classification of educational goals: Handbook II: Affective domain. New York: David Mckay.

Department Of Disease Control. (2022). Retrieved form https://ddc.moph.go.th/covid19dashboard/.

Krejcie, R.V., & Morgan, D.W. (1970). Determination sample size for research activities. Education and Psychology Measurement, 30(3), p 607-610.

Nutbeam D. (2000). Health Literacy as a public health goal: a challenge for contemporary health education and communication strategies into the 21st century. Health Promotion International, 15(3), 259-267.

Downloads

Published

2023-12-31

How to Cite

Kawitu, K., Thansuk , C. ., & Suksai, N. . (2023). Factors Influencing to Preventive Behaviors for Coronavirus Disease 2019 of Thai and Migrant Workers in Bang Sao Thong District, Samutprakarn Province. Journal of Nursing, Siam University, 24(47), 69–83. Retrieved from https://he01.tci-thaijo.org/index.php/nursingsiamjournal/article/view/264938

Issue

Section

research article