ผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้บทเรียนออนไลน์ใน Google Classroom ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 2 ในวิชาปฏิบัติการพยาบาลขั้นพื้นฐาน
คำสำคัญ:
บทเรียนออนไลน์, Google Classroom, ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน, ความพึงพอใจบทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นวิจัยกึ่งทดลอง (แบบสองกลุ่มวัดผลก่อนหลัง) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 2 โดยใช้บทเรียนออนไลน์ใน Google Classroom กับการสอนแบบปกติ ในวิชาปฏิบัติการพยาบาลขั้นพื้นฐานและ 2) ประเมินความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 2 โดยใช้บทเรียนออนไลน์ใน Google Classroom ในวิชาปฏิบัติการพยาบาลขั้นพื้นฐาน กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุพรรณบุรี ปีการศึกษา 2564 จำนวน 60 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 30 คน การคำนวณขนาดของกลุ่มตัวอย่างใช้โปรแกรม G*power 3.1.9.4 การเลือกกลุ่มตัวอย่างสุ่มแบบกลุ่ม(Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้วิจัย 3 ชุด ประกอบด้วย 1) บทเรียนออนไลน์ใน Google Classroom ในวิชาปฏิบัติการพยาบาลขั้นพื้นฐานสำหรับนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 2 2) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนประกอบด้วย แบบทดสอบวัดความรู้ก่อนและหลังเรียน จำนวน 40 ข้อ ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับโดยใช้ สูตร KR– 20 ของ Kuder Richardson เท่ากับ 0.86 และแบบประเมินออสกีวัดทักษะทางการพยาบาล จำนวน 1 ข้อ และ3) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนออนไลน์ ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามโดยใช้สูตรสัมประสิทธิ์แอลฟาเท่ากับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติทดสอบไคสแควร์และสถิติทดสอบที
ผลการวิจัยพบว่า 1) ค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้หลังเรียนของกลุ่มทดลองที่ได้รับการสอนโดยใช้บทเรียนออนไลน์ใน Google Classroom วิชาปฏิบัติการพยาบาลขั้นพื้นฐาน สูงกว่าค่าเฉลี่ยคะแนนความรู้ของกลุ่มควบคุมที่ได้รับการสอนตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีค่าเฉลี่ยคะแนนของกลุ่มทดลองเท่ากับ 16.40 (SD=2.143) และ
กลุ่มควบคุมเท่ากับ 12.10 (SD=1.90) 2) ค่าเฉลี่ยคะแนนทักษะทางการพยาบาลหลังเรียนของกลุ่มทดลองที่ได้รับการสอนโดยใช้บทเรียนออนไลน์สูงกว่ากลุ่มควบคุมที่ได้รับการสอนตามปกติ แต่ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยค่าเฉลี่ยของคะแนนทักษะทางการพยาบาลของกลุ่มทดลองเท่ากับ 84.40 คะแนน (SD=15.296) และกลุ่มควบคุมเท่ากับ 80.97 คะแนน (SD= 24.286) และ3) กลุ่มทดลองพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้บทเรียนออนไลน์อยู่ในระดับดี มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.18 (SD=.572) ข้อเสนอแนะ ควรจะนำบทเรียนออนไลน์ใน Google Classroom ที่สร้างขึ้นไปใช้ในการเรียนการสอนวิชาปฏิบัติการพยาบาลขั้นพื้นฐานปีต่อ ๆ ไปเพื่อให้นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทางทฤษฎีดีขึ้น
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ประกาศเรื่องมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรีสาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552.
ฐิติพร ปฐมจารุวัฒน์, ธัญญารัตน์ บุญโทย และ เยาวรัตน์ มัชฌิม. (2561). ประสบการณ์ของนักศึกษาพยาบาลในการฝึกปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตและฉุกเฉิน. วารสาร สภาการพยาบาล, 33(4); 75-92.
ประวีดา คำแดง. (2564). การสอนปฏิบัติในคลินิกตามความคาดหวังของนักศึกษาพยาบาล. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ. 27(1); 17-28.
ประวีดา คำแดง และ กาญจนา ใจจ้อย. (2562). ความคาดหวังและความเป็นจริงต่อผลการเรียนรู้รายวิชา พบ.282 ปฏิบัติการพยาบาลพื้นฐานของนักศึกษาพยาบาลชั้น ปีที่ 2 คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค มหาวิทยาลัยพายัพ. วารสารสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ สาขาภาคเหนือ. 25(1); 36-48.
พรศักดิ์ หอมสุวรรณ, อิทธิพล หินดี และ ขวัญดาว ศิริแพทย์. (2560). ระดับความพึงพอใจระบบการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ผ่าน Google classroom ภายในวิทยาลัยเทคนิคอุตสาหกรรมรายงานสืบเนื่องจากการประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 4 สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร.
ไพโรจน์ ภู่ทอง. (2564). การพัฒนาบทเรียน e-learning ควบคู่กับการใช้งาน Google Classroom Applications เรื่อง พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์. วารสารปัญญาภิวัฒน์, 13(3); 203-212.
วรัตน์ ภัคษร และ วรภัทร์ ธนวัชร์. (2563). วิจัยในชั้นเรียนเรื่องผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ด้วย Google Classroom ของนักศึกษาระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 2/4 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ งานวิจัยฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทางการศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีอรรถวิทย์พณิชยการ กรุงเทพมหานคร.
สาวิตรี สิงหาด, สุฬดี กิตติวรเวช และ อธิพงศ์ สุริยา. (2561). ผลสัมฤทธิ์และความพึงพอใจของนักศึกษาพยาบาลต่อการจัดการเรียนการสอนผ่าน Google Classroom ในรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศทางการพยาบาล. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์, 9(2); 124-137.
ศิริพร มีพรบูชา. (2563). การพัฒนาการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ โดยใช้ระบบห้องเรียนออนไลน์ google Classroom ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์. รายงานวิจัยโรงเรียนบ้านห้วยมงคลอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคืรีขันธ์.
ศุภเศรษฐ์ พึ่งบัว, เกรียงศักดิ์ บุญญา, ธนะวัฒน์ วรรณประภา และ แดน ทองอินทร์. (2563). การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ วิชาอินเทอร์เน็ตด้วยแอปพลิเคชั่น Google Classroom สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วารสารการศึกษาและการพัฒนาสังคม, 15(2), 241-254.
Jakkaew, P., & Hemrungrote, S. (2017). The use of UTAUT2 model for understanding student perceptions using Google Classroom: A case study of introduction to information technology course. International Conference on Digital Arts, Media and Technology (ICDAMT), pp. 205-209, doi: 10.1109/ICDAMT.2017.7904962.
Faul, F., Erdfelder, E., Buchner, A., & Lang, A.G. (2009). Statistical power analysis using G*Power 3.1: Test for correlation and regression analyses. Behav Res Methods; 41(4); 1149-60.
Luctker-Flude, M., Wilson-Keates, B., & Larocque, M. (2012). Evaluating high-fidelity human simulators and standardized patients in undergraduate nursing health assessment course. Nursing Education Today, 32(4), 448-452.
Likert, Rensis. (1967). “The Method of Constructing and Attitude Scale”. In Reading in Fishbeic, M (Ed.), Attitude Theory and Measurement. New York: Wiley & Son; 90-95.
McMillan, K., Flood, K., & Glaeser, R. (2017). Virtual reality, augmented reality, mixed reality, and the marine conservation movement. John Wiley & Sons, 27(S1); 162- 168.
McGriff, Steven J. (2000). Instructional System Design (ISD): Using the ADDIE Model. Instructional Design Models, 226(14); 1-2.
Shaharanee, I. N., Jamil, M. J., & Rodzi, S. S. (2015). The Application of Google Classroom as a Tool for Teaching and Learning. Journal of Telecommunication Electronic and Computer Engineering, 8(10); 1-8.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2022 วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลที่เผยแพร่ในวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้นิพนธ์บทความโดยตรง
บทความ เนื้อหา ข้อมูล รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่หรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องอ้างอิงวารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยามทุกครั้ง