The ผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตต่อความเครียดและภาวะซึมเศร้า ในนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1

ผู้แต่ง

  • wiramon Karseewong -
  • สุประวีณ์ คงธนชโยพิทย์

คำสำคัญ:

การส่งเสริมสุขภาพจิต, การป้องกันปัญหาสุขภาพจิต, ความเครียด, ภาวะซึมเศร้า, นักศึกษาพยาบาล

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษา 1) ข้อมูลพื้นฐานภาวะสุขภาพจิตนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1  2) โปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1  3) เปรียบเทียบความเครียดและภาวะซึมเศร้า ก่อนและหลังเข้าร่วมโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1         

รูปแบบและวิธีดำเนินการวิจัย  การวิจัยกึ่งทดลอง  (Quasi-experimental research) แบบ One Group Pretest – Posttest Design  ดำเนินการ 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐานภาวะสุขภาพจิต และพัฒนาโปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 ระยะที่ 2 ทดลองใช้โปรแกรม ดำเนินการระหว่าง เดือน สิงหาคม - ธันวาคม 2564 

ผลการวิจัย  ระยะที่ 1 ภาวะสุขภาพจิตนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 จำนวน 175 คน โดยใช้แบบประเมินความเครียดสวนปรุง พบว่ามีความเครียดระดับสูง ร้อยละ  31.43  ความเครียดระดับรุนแรง ร้อยละ 20.0 และใช้แบบวัดอาการซึมเศร้า CES-D (Center for Epidemiologic Studies-Depression Scale) พบว่าเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า ร้อยละ 14.29  โปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 มี 3 ขั้นตอน คือขั้นตอนที่ 1  การสำรวจและการคัดกรองปัญหาทางจิต  ขั้นตอนที่ 2 การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิต ขั้นตอนที่ 3 ประเมินผลการดำเนินงาน   ผลการวิจัยระยะที่ 2 การทดลองใช้โปรแกรมการส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิต กลุ่มตัวอย่าง คือนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 ที่มีความเสี่ยงปัญหาสุขภาพจิต จำนวน 23 คน  วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างระดับความเครียดและภาวะซึมเศร้าก่อนและหลังเข้าร่วมกิจกรรม ด้วยสถิติ Paired t -test  พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p ˂ 0.05) โดยความเครียดก่อนเข้าร่วมกิจกรรมมีค่าเฉลี่ย 66.48 หลังเข้าร่วมกิจกรรมมีค่าเฉลี่ย 38.21 ภาวะซึมเศร้าก่อนเข้าร่วมกิจกรรมมีค่าเฉลี่ย 23.04  หลังเข้าร่วมกิจกรรมมีค่าเฉลี่ย 9.52  

สรุปและข้อเสนอแนะ  ควรดูแลสุขภาพจิตนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1 โดยการคัดกรองปัญหาสุขภาพจิต การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิต และการติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง

เอกสารอ้างอิง

กชกร ฉายากุ.(2561). ผลของโปรแกรมเสริมสร้างพลังสุขภาพจิตในนักศึกษาพยาบาลวิทยาลัย พยาบาลบรมราชชนนีนครราชสีมา. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา, 24(2), 96-124.

ฉันทนา แรงสิงห์ และ สถิตย์ วงศ์สุรประกิต. (2557). ปัจจัยทางสุขภาพจิตที่มีผลต่อพฤติกรรมการเรียนของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง. วารสารพยาบาลสาร, 41(1), 122-132.

เนาวรัตน์ สิงห์สนั่น และจุฬาลักษณ์ นิลอาธิ. (2563). การนำ SATIR MODEL สู่การปฏิบัติในการดูแล สุขภาพจิตของนักศึกษาพยาบาล. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 7 (9), 17-29.

ลักษณา สกุลทอง, ภมรพรรณ์ ยุระยาตร์ และสุทธิพงศ์ หกสุวรรณ.(2561). การพัฒนาโมเดลการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาความผาสุกทางจิตใจของนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัย. วารสาราชพฤกษ์, 16 (1),76-87.

วารีรัตน์ ถาน้อย อทิตยา พรชัยเกตุ ภาศิษฎา อ่อนดี. (2555). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะสุขภาพจิต ของนักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. วารสารสภาการพยาบาล, 27 (ฉบับพิเศษ), 60-76.

วิรมณ กาสีวงศ์. (2562). รายงานการสำรวจภาวะสุขภาพจิตนักศึกษาพยาบาล. มหาวิทยาลัยนครพนม: ฝ่ายวิชาการ.

สมจิตร์ นคราพานิช และ รัตนา พึ่งเสมา.(2564). ปัจจัยทำนายพลังสุขภาพจิตของนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1. วารสารวิทยาลัยพยาบาลสภากาชาดไทย, 35 (1), 128-145.

สุวัฒน์ มหัตนิรันดร์กุล, วนิดา พุ่มไพศาลชัย และ พิมพ์มาศ ตาปัญญา.(2540). การสร้างแบบวัดความเครียด สวนปรุง. วารสารสวนปรุง, 13(3), 1-20 .

สายใจ พัวพันธ์, จิณห์จุฑา ชัยเสนา ดาลลาส และดวงใจ วัฒนสินธ์.(2558). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะสุขภาพจิตของนักศึกษาพยาบาล.วารสารคณะพยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยบูรพา, 23(3), 1-13.

สภาการพยาบาล.(2564). มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2560 .สืบค้น วันที่ 1 มกราคม 2564 เข้าถึงได้จาก https://www.tnmc.or.th/news/18.

อุมาพร ตรังคสมบัติ, วชิระ ลาภบุญทรัพย์ และปิยลัมพร หะวานนท์. (2540). การใช้ CES-D ในการคัด กรองภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่น. วารสารสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 42(1), 2-13 Chen, C.-J., et al. (2015). The prevalence and related factors of depressive symptoms among junior college nursing students: Retrived 9th,November, 2021 from https://doi.org/10.1111/jpm.12252.

Herrman, H & Jané-Llopis, E. (2014).The Status of Mental Health Promotion. Public health review, 34 (2),1-20.

Johansso, E. (2010). Effectiveness of a Stress Management Program in Reducing Anxiety and Depression in Nursing Students. Journal of American College Health, 40 (3),125-129.

Rathnayake, S. & Ekanayaka , J. (2016). Depression, Anxiety and Stress among undergraduate Nursing Students in a Public University in Sri Lanka. International Journal of Caring Sciences ,9 (2016), 1020 -1032.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-07-10

รูปแบบการอ้างอิง

Karseewong, wiramon, & คงธนชโยพิทย์ ส. . (2022). The ผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตต่อความเครียดและภาวะซึมเศร้า ในนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 1. วารสารพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม, 23(44), 36–48. สืบค้น จาก https://he01.tci-thaijo.org/index.php/nursingsiamjournal/article/view/255599

ฉบับ

ประเภทบทความ

research article