การส่งเสริมการสร้างงานวิจัย R2R ของบุคลากร สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ผู้แต่ง

  • อภิชาติ โชติชูศรี กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

DOI:

https://doi.org/10.14456/jmu.2025.39

คำสำคัญ:

งานวิจัย R2R, แนวทางส่งเสริมการทำวิจัย, สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลให้บุคลากรสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) ให้ความสำคัญทำงานวิจัยจากงานวิจัยที่พัฒนาจากงานประจำ (Routine to Research: R2R) และเพื่อประเมินความพึงพอใจต่อการส่งเสริมการทำงานวิจัย R2R กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาเป็นบุคลากร สคอ. ที่เป็นข้าราชการและพนักงานราชการ จำนวน 43 คน

          การดำเนินการวิจัยมี 2 ระยะหลักคือ ระยะที่ 1 คือ การศึกษาปัจจัยที่ส่งผลให้บุคลากร สคอ. ให้ความสำคัญทำงานวิจัย R2R เพื่อนำข้อมูลมาพัฒนาเครื่องมือและกิจกรรมในการส่งเสริมการสร้างงานวิจัยภายในหน่วยงาน 2 ประการ ได้แก่ การจัดทำคู่มือแนวทางการส่งเสริมการสร้างงานวิจัย R2R ของบุคลากรสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการจัดกิจกรรมพัฒนาศักยภาพบุคลากร โดยการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ระยะที่ 2 คือ การประเมินความพึงพอใจต่อการส่งเสริมการทำงานวิจัย R2R วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา สถิติเชิงอนุมาณการทดสอบอันดับเครื่องหมายของวิลคอกซัน และการทดสอบของฟิสเชอร์

          ผลการศึกษาพบว่า ระยะที่ 1 เหตุผลสำคัญที่ทำให้สนใจทำงานวิจัยคือ ความสนใจใคร่รู้ ความต้องการทำผลงานเพื่อขอเลื่อนตำแหน่งทางวิชาการ และตระหนักว่าเป็นภาระหน้าที่ (ร้อยละ 53.5, 34.9 และ 32.6 ตามลำดับ)  แต่เหตุผลที่จะไม่ทำงานวิจัยเพราะมีภาระงานมาก ขาดความรู้และประสบการณ์ทำวิจัย และมีขั้นตอนในการทำงานวิจัยที่ยุ่งยาก (ร้อยละ 48.8, 48.8 และ 39.5 ตามลำดับ) และปัจจัยที่ส่งผลให้บุคลากร สคอ. ให้ความสำคัญทำงานวิจัย R2R มีหลากหลายด้านทั้งปัจจัยและแรงจูงใจที่ส่งผลต่อการทำงานวิจัย และปัจจัยที่เอื้อต่อการทำงานวิจัย ซึ่งมีความเห็นด้วยในระดับปานกลาง ในระยะที่ 2 จากข้อมูลที่ได้นำมาสร้างเป็นเครื่องมือและกิจกรรมส่งเสริมการสร้างงานวิจัย R2R ของ สคอ. ผลการศึกษาที่ได้กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจในระดับมากในลักษณะรูปเล่ม การใช้ภาษา และเนื้อหาสาระของคู่มือแนวทางการส่งเสริมการสร้างงานวิจัย R2R ของบุคลากรสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมากที่สุดในเรื่องของความรู้ความสามารถของวิทยากรที่บรรยายและฝึกปฏิบัติ ทำให้กลุ่มตัวอย่างมีความรู้ความเข้าใจ และทักษะในการทำงานวิจัยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทำให้สามารถเพิ่มโครงร่างงานวิจัยได้ถึง 12 เรื่อง อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการนำความรู้จากการได้อ่านได้ใช้คู่มือแนวทางฯ ไปใช้จริง การร่วมกิจกรรมพัฒนาศักยภาพฯ กับโอกาสในการเป็นผู้วิจัยหลักพบว่าไม่มีความสัมพันธ์กัน

ประวัติผู้แต่ง

อภิชาติ โชติชูศรี, กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

วิทยาศาสตรบัณฑิต (เทคโนโลยีชีวภาพ) มหาวิทยาลัยศิลปากร

สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

เอกสารอ้างอิง

กมลทิพย์ ศรีหาเศษ. (2549). การศึกษาระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำวิจัยของอาจารย์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม. สำนักวิจัย มหาวิทยาลัยศรีปทุม.

จำเนียร ชุณหโสภาค. (2559). กลยุทธ์การส่งเสริมให้มีการสร้างงานวิจัยเพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง. วารสารดุษฎีบัณฑิตทางสังคมศาสตร์, 6(1), 20-30.

ฐินันท์พัทธ์ รวมธรรม, สงครามชัย ลีทองดี, และ เมรีรัตน์ มั่นวงศ์. (2562). รูปแบบการพัฒนาและส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรม ในงานประจำโรงพยาบาลวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี, 8(2), 186-194.

ณัฏฐญา พัฒนะวาณิชนันท์ และ จุฬาพร กระเทศ. (2563). การพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขระดับพื้นที่จากงานประจำสู่งานวิจัย (R2R) ระดับประเทศ ปี 2562. วารสารวิชาการ สาธารณสุข, 29(2), 358-370.

นนนุชนาถ กระแสโท. (2564). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำวิจัยสถาบันของบุคลากรสายสนับสนุนคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น. วารสารการบริหารการศึกษา มมร. วิทยาเขต ร้อยเอ็ด, 1(3), 43-53.

นิภาพรรณ ลิ้มเทียมรัตน์. (2564). ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานวิจัยของบุคลากรในโรงพยาบาลบ้านโป่งจังหวัดราชบุรี. วารสารวิจัยเพื่อการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิต, 1(2), 31-41.

บุญไทย จันทรเสนา และ มานพ คณะโต. (2556). ปัจจัยที่มีผลต่อการทำวิจัยของนักวิชาการสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู. วารสารบัณฑิตวิจัย, 4(2), 13-28.

ประวิชญา ณัฏฐากรกุล และ จารึก ณัฏฐากรกุล. (2559). ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อวิธีการทำงานวิจัยของครูอาจารย์คณะเทคโนโลยีสังคม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน. ราชภัฏเพชรบูรณ์สาร, 18(1), 1-9.

ประเสริฐ อินทร์รักษ์, นพดล เจนอักษร, สำเริง อ่อนสัมพันธุ์, วรกาญจน์ สุขสดเขียว, มัทนา วังถนอมศักดิ์, สายสุดา เตียเจริญ, และ นุชนรา รัตนศิระประภา. (2555). รูปแบบการส่งเสริมการดำเนินการเพื่อพัฒนางานวิจัยของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 4(1), 17-35.

ปรียนุช ชัยกองเกียรติ และ มาลี คำคง. (2560). งานวิจัยจากงานประจำ: การขับเคลื่อนสู่การใช้ประโยชน์. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาลและการสาธารณสุขภาคใต้, 4(3), 259-270.

ปานทิพย์ พอดี. (2564). รูปแบบการเรียนรู้อย่างมีความสุข (FART). วารสารวิชาการสังคมมนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช, 11(1), 78-90.

ปิยะวรรณ ท่าทราย, สมบัติ คชสิทธิ์ และ อรสา จรูญธรรม. (2565). การพัฒนารูปแบบหลักสูตรฝึกอบรมเสริมสร้างสมรรถนะการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนางานประจำสู่งานวิจัยของพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยมหิดล. วารสารสหวิทยาการวิจัย: ฉบับบัณฑิตศึกษา, 11(2), 314-326.

ผกาภรณ์ พลายสังข์ และ ฉลอง ชาตรูประชีวิน. (2560). กลยุทธ์การส่งเสริมการวิจัยของบุคลากรทางการศึกษาในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 19(1), 103-113.

พิราวรรณ หนูเสน, สุวรรณี แรงครุฑ, และ สัญชัย ทองสุขใส. (2562). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานวิจัยของบุคลากรสายสนับสนุนคณะ แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. เวชบัณทึกศิริราช, 12(2), 87-94.

ภควรรณ สีสวย และ เพ็ญศรี ชื่นชม. (2554). ปัจจัยที่มีผลต่อการทำวิจัยไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดของบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์. วารสารศิลปศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, 7(1), 173-190.

มณีรัตน์ เจริญศิลป์, วรพล แวงนอก, ประภาพร เมืองแก้ว, จิตรานุช เทียมเขา, และ มณเฑียร พิทักษ์. (2565). รูปแบบการส่งเสริมศักยภาพบุคลากรด้านการวิจัยด้วยการเรียนรู้จากการปฏิบัติและแรงสนับสนุนทางสังคมเพื่อการพัฒนาคุณภาพงานและการให้บริการสุขภาพ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว. วารสารมหาจุฬานาครทรรศน์, 9(4), 387-401.

เมทิกา พ่วงแสง และ วิสุตา วรรณห้วย. (2566). ปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานวิจัยของบุคลากรสายวิชาการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร. ARI Journal, 1(1), 60-65.

ริญญาภัทร์ พสิษฐ์กุลเวช, สุวัฒน์ ฉิมะสังคนันท์, และ วิศิษฐ์ ฤทธิบุญไชย. (2560). แนวทางการส่งเสริมแรงจูงใจในการทำงานประจำสู่งานวิจัยของพนักงานมหาวิทยาลัยสายสนับสนุน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม. วารสารวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม, 4(2), 89-104.

รุจิรา เจียมอมรรัตน์ และ อรชร อินทองปาน. (2556). การพัฒนาระบบและกลไกการส่งเสริมการผลิตผลงานวิจัยของวิทยาลัยในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก. วารสารพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข, 22(1), 68-75.

แรกขวัญ สระวาสี และ สงกรานต์ กัญญมาสา. (2562). ผลของการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัยต่อการพัฒนาสมรรถนะผู้ปฏิบัติงานด้านภารกิจสนับสนุนการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. วารสารวิชาการ สาธารณสุข, 28(3), 499-508

ลลิตา สกุลเทวัญพิทักษ์, สมชาติ โตรักษา, และ วัลลีรัตน์ พบคีรี. (2563). การพัฒนางานตามภารกิจหลักสู่งานวิจัย อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี. วารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข, 6(เพิ่มเติม), S95-S110.

วชิราภรณ์ เพชรแก้ว, สมชาติ โตรักษา, และ ช่อเพียว เตโชฬาร. (2563). การพัฒนางานตามภารกิจหลักสู่งานวิจัย โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน. วารสารกฎหมายและนโยบายสาธารณสุข, 6(ฉบับเพิ่มเติม), S111-S126.

วนิดา พิงสระน้อย. (2556). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการทำวิจัยของบุคลากรสายวิชาการกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี].

วัลลภ รัฐฉัตรานนท์. (2562). การหาขนาดตัวอย่างที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย: มายาคติในการใช้สูตรของทาโรยามาเน่ และเครทซี-มอร์แกน. วารสารสหวิทยาการวิจัย: ฉบับบัณฑิตศึกษา, 8(S), 11-28.

วิยะดา กูโน. (2557). การศึกษาระดับการรับรู้ ความพึงพอใจ และความคาดหวังต่อนโยบายส่งเสริมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต. วารสารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 25(3), 8-20.

วรรณพันธุ์ อ่อนแย้ม (2552). ปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพการทำวิจัยจากงานประจำของพนักงานวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล. [วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร]

ศุภลักษณ์ ดีน้อย และ ชูชีพ พุทธประเสริฐ. (2557). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการทำวิจัยของอาจารย์สายสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่ โจ้. วารสารศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้, 2(2), 50-79.

สมภพ ทองปลิว. (2559). ปัจจัยที่มีส่วนกระตุ้นการทำงานวิจัยของบุคลากรสายสนับสนุนของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์, 2(2), 21-31.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-11-11

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย