การพัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะ Extravasation ในผู้ป่วยที่ได้รับสารทึบรังสี โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

ผู้แต่ง

  • อุบล ทองสุพล โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
  • รุ่งรัตน์ เนตรโสภา โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
  • เพ็ญศรี ปักกังวะยัง โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
  • มะลิวรรณ อังคะนิตย์ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

คำสำคัญ:

ภาวะการรั่วไหลของสารทึบรังสีออกนอกหลอดเลือด, สารทึบรังสี, แนวปฏิบัติทางการพยาบาล, หลักฐานเชิงประจักษ์

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์: เพื่อพัฒนาและประเมินผลของแนวปฏิบัติทางการพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะ Extravasation ในผู้ป่วยที่ได้รับสารทึบรังสีที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

รูปแบบการวิจัย: วิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research)

วัสดุและวิธีการวิจัย : กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย ผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) และได้รับสารทึบรังสี จำนวน 60 ราย และพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วยรังสีวินิจฉัย จำนวน 10 คน ดำเนินการศึกษาช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึง 31 กรกฎาคม 2568 โดยใช้กรอบแนวคิดหลักฐานเชิงประจักษ์ของซูคัพ (Soukup Model) ในการพัฒนาแนวปฏิบัติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) คู่มือแนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะ Extravasation ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน และ 2) เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบบันทึกข้อมูลทั่วไป แบบประเมินภาวะ Extravasation แบบประเมินทักษะการปฏิบัติงานของพยาบาล และแบบสำรวจความพึงพอใจต่อการใช้แนวปฏิบัติ

ผลการวิจัย: การพัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลประกอบด้วย 2 กิจกรรมหลัก คือ 1) การเฝ้าระวังและป้องกันภาวะ Extravasation และ 2) การจัดการเมื่อเกิดภาวะ Extravasation ผลการนำแนวปฏิบัติไปใช้พบว่า พยาบาลมีทักษะการปฏิบัติงานและความพึงพอใจต่อการใช้แนวปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ด้านผลลัพธ์ทางคลินิกพบว่า จากกลุ่มตัวอย่าง 60 ราย ไม่เกิดภาวะ Extravasation จำนวน 42 ราย (70.0%) และเกิดภาวะ Extravasation จำนวน 18 ราย (30.0%) โดยความรุนแรงทั้งหมดอยู่ในระดับเล็กน้อย (Mild level) แสดงให้เห็นว่าแนวปฏิบัติที่พัฒนาขึ้นช่วยให้พยาบาลสามารถตรวจพบและแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

สรุปผลและข้อเสนอแนะ: แนวปฏิบัติทางการพยาบาลที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพในการควบคุมความรุนแรงของภาวะ Extravasation ให้อยู่ในระดับเล็กน้อย จึงควรนำแนวปฏิบัตินี้ไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับสารทึบรังสีทั้งในการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย

เอกสารอ้างอิง

American College of Radiology. ACR Manual on Contrast Media. 12th ed. Reston (VA): American College of Radiology; 2022.

Soukup M. The conceptual model for evidence-based practice. J Nurse Scholarsh. 2000;32(2):165-8.

ฐิติพร ปฐมจารุวัฒน์. การป้องกันและการจัดการกับการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อจากการรั่วของยาหรือสารน้ำจากการบริหารยาทางหลอดเลือดดำ. วารสารการพยาบาลสงขลานครินทร์. 2017;37(2):169–81.

นภา อุทัยศรี. การพัฒนาแนวทางการปฏิบัติทางการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดหลอดเลือดดำอักเสบของผู้ป่วยที่ได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ โดยใช้วงจร PAOR. โรงพยาบาลกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี; 2567.

ปาจรีย์ ศักดิ์วาลี้สกุล, อุษณีย์ ศิริรวงศ์พรหม. ผลของแนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันหลอดเลือดดำอักเสบจากการได้รับยานอร์อีพิเนฟริน. วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน. 2562;25:92–108.

ลักษณี มีนะนันท์. การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ. ใน: สุปราณี วศินอมร, บรรณาธิการ. การพยาบาลพื้นฐาน แนวคิดและการปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ: จุดทองการพิมพ์; 2535.

Ding S, Richli Meystre N, Campeanu C, Gullo G. Contrast media extravasations in patients undergoing computerized tomography scanning: a systematic review and meta-analysis of risk factors and interventions. J Radiol Res. 2018.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

เผยแพร่ 2025-12-29 — ปรับปรุง 2025-12-29

เวอร์ชัน

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ทองสุพล อ, เนตรโสภา ร, ปักกังวะยัง เ, อังคะนิตย์ ม. การพัฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะ Extravasation ในผู้ป่วยที่ได้รับสารทึบรังสี โรงพยาบาลร้อยเอ็ด. J Res Health Inno Dev [อินเทอร์เน็ต]. 29 ธันวาคม 2025 [อ้างถึง 1 มกราคม 2026];7(1):39-56. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jrhi/article/view/284963

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความต้นนิพนธ์