ผลของโปรแกรมจิตอาสาผู้ป่วยเบาหวานเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดของผู้ป่วย ตำบลพระธาตุ อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
โปรแกรมจิตอาสา, พฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, น้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และค่าน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดของผู้ป่วยก่อนและหลังพัฒนาโปรแกรม
รูปแบบการวิจัย: การวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-experimental design) แบบกลุ่มเดียว วัดก่อนและหลัง (One Group Pretest-Posttest Design)
วัสดุและวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยเบาหวาน จำนวน 40 คน ที่ได้มาโดยสุ่มอย่างง่ายด้วยการจับฉลากไม่แทนที่ ดำเนินการเดือนตุลาคม 2566 ถึง พฤษภาคม 2567 กลุ่มตัวอย่างได้รับโปรแกรมจิตอาสาผู้ป่วยเบาหวานเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาล โดยมีจิตอาสาจับคู่กับผู้ป่วยในการพัฒนาเรื่องโรคเบาหวานในรูปแบบการประชุมการฝึกปฏิบัติ การสังเกตการณ์เยี่ยมบ้านผู้ป่วยและการทำ Telemedicine การเสริมพลังทบทวนการดูแลผู้ป่วยร่วมกัน โดยใช้แนวคิดการจัดการตนเอง จำนวน 16 สัปดาห์ๆละ 1 ครั้ง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามพฤติกรรมควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอนุมานวัดก่อนและหลังการทดลอง โดยใช้สถิติ Paired t-test
ผลการวิจัย: ภายหลังการใช้โปรแกรมพบว่ากลุ่มตัวอย่างมีคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดภาพรวมสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลสะสมในเลือด(HbA1c) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ p<.0001 โดยมีระดับน้ำตาลสะสมในเลือด (HbA1c) ลดลง0.60mg% (95%CI: 0.431, 0.784)
สรุปและข้อเสนอแนะ: จะเห็นได้ว่าโปรแกรมจิตอาสาทำให้ผู้ป่วยเบาหวานมีพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังเข้าร่วมโปรแกรมสูงกว่าก่อนการเข้าร่วม ทำให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจที่จะดูแลตนเองและพร้อมที่จะเป็นตัวอย่างให้กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานต่อไป
เอกสารอ้างอิง
Rattarasarn C. Diabetes outbreak and its impact on Thailand. Bangkok: Novo Nordisk Pharma (Thailand) Ltd; 2013.
Junchai J. Diabetes education and self-management program of persons with type 2 diabetes, PrachuapKhiri Khan province. The Public Health Journal of Burapha University. 2012;7(2):69-83.
Frederick H, Kanfer, Arnold P. Goldstein. Helping people change: A textbook of methods. New York: Pergamon Press; 1980.
Embrey N A concept analysis of self-management in long-term conditions. British Journal of Neuroscience Nursing. 2006;2(10):507-13.
ยุฑามาส วันดาว, ทิพมาส ชิณวงศ์, อุดมรัตน์ ชโลธร, อรุณี ทิพย์วงศ์. ประสบการณ์การจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมไม่ได้ โรงพยาบาลสะเดา อำ เภอสะเดา จังหวัดสงขลา วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์. 2561;38(3):52-64.
Blixen C E, Kanuch S, Perzynski A T, Thomas C, Dawson N V, Sajatovic M. Barriers to Self-management of Serious Mental Illness and Diabetes. Am J Health Behav. 2016;40(2):194-204.
Siriwattanapornkul T. Factors related to blood glucose level among patients with diabetes mellitus type II. Journal of Nursing Science Naresuan University. 2007;1(2):57–67.
กนกวรรณ ด้วงกลัด, ปัญญรัตน์ ลาภวงศ์วัฒนา, ณัฐกมล ชาญสาธิตพร. โปรแกรมการส่งเสริมการจัดการตนเองในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมไม่ได้. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล. 2563;36(1):66-83.
Kang H. Sample size determination and power analysis using the G*Power software. Journal of educational evaluation for health professions. 2021;18.
ญาณิสรา ปินตานา, นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์. ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ. 2561;12(1):72-83.
กฤตกร หมั่นสระเกษ, ทัศนีย์ รวิวรกุล, สุนีย์ ละกำปั่น. ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ใช้อินซูลิน. วารสารวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครราชสีมา. 2562;25(2):87-103.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง