การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยใส่ท่อระบายทรวงอก ในหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

ผู้แต่ง

  • พวงผกา ธรรมสมบัติ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
  • วารุณี สีสันต์ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด
  • สุจิตตา ฤทธิ์มนตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด

คำสำคัญ:

แนวปฏิบัติทางการพยาบาล, ท่อระบายทรวงอก, ศัลยกรรมอุบัติเหตุ

บทคัดย่อ

วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัญหาและวิเคราะห์ปัญหาการพยาบาลผู้ป่วยใส่ท่อระบายทรวงอก พัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่ใส่ท่อระบายทรวงอก และศึกษาผลของแนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่ใส่ท่อระบายทรวงอก ในหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด

รูปแบบการวิจัย : การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and development)

วัสดุและวิธีการวิจัย : การวิจัยในครั้งนี้ดำเนินการระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน 2568 ประกอบด้วย 4 ระยะ ได้แก่ (1) ศึกษาสถานการณ์ (2) การพัฒนาแนวปฏิบัติ (3) นำแนวปฏิบัติไปใช้ และ (4) ประเมินผล กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเจาะจง ได้แก่ แฟ้มประวัติผู้ป่วยใส่ท่อระบายทรวงอก 54 แฟ้ม พยาบาลวิชาชีพ 18 คน และผู้ป่วยใส่ท่อระบายทรวงอก 12 ราย เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย แบบบันทึกข้อมูลทางคลินิก แบบบันทึกการพัฒนาแนวปฏิบัติ และแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์เนื้อหา

ผลการวิจัย : ผลการวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่ใส่ท่อระบายทรวงอกในหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ จำนวน 54 ราย พบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 90.7 อายุเฉลี่ย 32 ปี พบอาการไม่พึงประสงค์หลังใส่ท่อระบายทรวงอกร้อยละ 57.4 ส่วนใหญ่เป็นข้อต่อท่อระบายเลื่อนหลุดร้อยละ 45.2 รองลงมาคือปอดอักเสบและปอดแฟบ ร้อยละ 16.1 เท่ากัน และมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 9.7 ส่วนพยาบาลพบว่าขาดความรู้ ทักษะการประเมินการเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน การเตรียมอุปกรณ์ไม่เพียงพอ ขาดการฟื้นฟูและเตรียมผู้ป่วยก่อนจำหน่าย และการสื่อสารในทีมสุขภาพคลาดเคลื่อน ผลการพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่ใส่ท่อระบายทรวงอกประกอบด้วย 5 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะการรับผู้ป่วยใหม่ 2) ระยะการเตรียมผู้ป่วย 3) ระยะการดูแลขณะใส่ท่อ 4) ระยะฟื้นฟูปอด และ 5) ระยะการเตรียมถอดท่อและการดูแลหลังถอดท่อระบาย ผลการแนวใช้แนวปฏิบัติพบว่าผู้ป่วยมีจำนวนวันใส่คาท่อระบายทรวงอกลดลง จำนวนวันนอนลดลง อาการไม่พึงประสงค์ภาวะแทรกซ้อนลดลง และพยาบาลผู้ใช้แนวปฏิบัติมีความพึงพอใจในระดับมาก

สรุปและข้อเสนอแนะ : แนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยใส่ท่อระบายทรวงอกที่พัฒนาขึ้น มีประสิทธิภาพในการลดภาวะแทรกซ้อนหลังใส่ท่อระบาย ลดระยะเวลาคาท่อ และลดจำนวนวันนอนในโรงพยาบาล และส่งเสริมความพึงพอใจของบุคลากร ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับหลักฐานเชิงประจักษ์แสดงถึงศักยภาพของการพัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลในหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหต โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อการนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ทางการพยาบาลควรจัดทำแนวปฏิบัติเป็นคู่มือมาตรฐาน สำหรับการดูแลผู้ป่วยใส่ท่อระบายทรวงอกในหอผู้ป่วยและมีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการในหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ

เอกสารอ้างอิง

Beyer C A, Ruf A C, Alshawi A B, Cannon J W. Management of traumatic pneumothorax and hemothorax. Curr Probl Surg. 2025;63:101707.

Khamrath J, Mahaviriyotai K, Ladawan T, Prabripoo T. Caring of Chest Trauma Patients with Intercostal Drainage: Role of nurses in Aeromedical Evacuation. J R Thai Army Nurses. 2022;23(3):63–9.

Chittmittrapap S, Navicharern P. Textbook of surgery volume 1. Bangkok: Pailinbooknet; 2016.

Mohammed H M. Chest tube care in critically ill patient: A comprehensive review. Egypt J Chest Dis Tuberc. 2015;64(4):849–55.

วิมล อิ่มอุไร. การพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบ. วารสารหัวหินสุขใจไกลกังวล. 2562;4(1):54–68.

Bemelmans T M A. Strategic planning for research and development. Long Range Plann. 1979;12(2):33–44.

Best J W. Research in Education. Prentice-Hall; 1977.

Sirikaew S. The development of clinical nursing practice guideline for patients with intercostal chest drain by evidence best practice. Sanpasitthiprasong Medical Journal. 2017;38(1–3):13–24.

Saoraya J, Wongwaisayawan S, Kaewlai R. Imaging of thoracic trauma: Experience from a level I trauma center in Thailand. Journal of the Medical Association of Thailand. 2017;100(6):689–96.

Tufail S, Ali A, Begum M F. Knowledge of nurses regarding chest drain care at public tertiary care hospital lahore. Saudi J Nurs Health Care Internet. 2018;1(3):211–6.

Kongpolprom N, Jitpiboon W, Worasawate S. Complications of intercostal chest drain management in surgical patients: Lessons for nursing care. Thai Journal of Nursing Research. 2022:26(3):145–56.

Phokphungkit K, Tantalanukul S. The effect of promoting patients to participate in self-care on self-care behaviors and rehabilitation of chest traumatic patients with chest tube insertion. Boromarajonani College of Nursing, Uttaradit Journal. 2020;12(1): 210–24.

Thitivaraporn P, Narueponjirakul N, Samorn P, Prichayudh S, Sriussadaporn S, Pak-Art R, et al. Randomized controlled trial of chest tube removal aided by a party balloon. Asian Cardiovasc Thorac Ann. 2017;25(7–8):522–7.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-10-30

รูปแบบการอ้างอิง

1.
ธรรมสมบัติ พ, สีสันต์ ว, ฤทธิ์มนตรี ส. การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลสำหรับผู้ป่วยใส่ท่อระบายทรวงอก ในหอผู้ป่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด. J Res Health Inno Dev [อินเทอร์เน็ต]. 30 ตุลาคาม 2025 [อ้างถึง 5 ธันวาคม 2025];6(3):347-59. available at: https://he01.tci-thaijo.org/index.php/jrhi/article/view/283645

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความต้นนิพนธ์