ผลของโปรแกรมการจัดการความขัดแย้งในระบบสาธารณสุขต่อความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรม การจัดการความขัดแย้งของรองหัวหน้าหอผู้ป่วย
คำสำคัญ:
ความขัดแย้งในระบบสาธารณสุข, ความรู้, ทัศนคติ, พฤติกรรมบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้งของรองหัวหน้าหอผู้ป่วย
รูปแบบการวิจัย: เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi - experimental research) แบบมีกลุ่มควบคุม
วัสดุและวิธีการวิจัย: กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพ รองหัวหน้าหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด จำนวน 58 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 29 คน กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมฯ ซึ่งประกอบด้วยการบรรยาย การแสดงบทบาทสมมติ กิจกรรมสื่อสาร และการเผยแพร่คู่มือแนวทางการจัดการความขัดแย้งฯ กลุ่มควบคุมได้รับการสื่อสารแนวทางและคู่มือในรูปแบบปกติ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม ดำเนินกิจกรรมรวม 8 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ Paired t-test เพื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยก่อนและหลังการทดลอง และ Independent samples t-test โดยกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ 95% Confidences Interval
ผลการวิจัย: หลังได้รับโปรแกรมฯ กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยความรู้ (Mean Diff = 2.76, 95%CI = 1.67-3.84) ทัศนคติ (Mean Diff = 10.62, 95%CI = 6.14-15.10) และพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้ง (Mean Diff = 18.38, 95%CI = 12.94-23.82) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มพบว่ากลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยด้านความรู้ (Mean Diff = 2.31, 95%CI = 1.43-3.20) ทัศนคติ (Mean Diff = 7.97, 95%CI = 2.85-13.08) และพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้ง (Mean Diff = 8.41, 95%CI = 5.08-11.74) สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
สรุปและข้อเสนอแนะ: โปรแกรมการจัดการความขัดแย้งมีประสิทธิผลในการเพิ่มพูนความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการจัดการความขัดแย้งของรองหัวหน้าหอผู้ป่วย ควรพิจารณาขยายผลโปรแกรมไปสู่บุคลากรวิชาชีพอื่น ๆ และบูรณาการเข้ากับแผนงานประจำปีขององค์กร รวมถึงจัดทำคู่มือหรือสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายและติดตามผลในระยะยาว เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข. แผนขับเคลื่อนกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข; 2567.
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน). รายงานประจำปี 2565. นนทบุรี: สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน); 2565.
ศูนย์ข้อมูลโรงพยาบาลร้อยเอ็ด. รายงานสถิติงานบริการ ปี 2567. ร้อยเอ็ด: โรงพยาบาลร้อยเอ็ด; 2567.
กองการพยาบาล. แนวทางการพัฒนาระบบการพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะซับซ้อน. กรุงเทพฯ: กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข; 2561.
บุญศักดิ์ หาญเทิดสิทธิ์. การชดเชยความเสียหายจากการให้บริการสาธารณสุข: การพัฒนาแนวทางในประเทศไทย. วารสารการแพทย์. 2553.
วันชัย วัฒนศัพท์. ระบบการจัดการความขัดแย้งทางการแพทย์. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สุขภาพไทย; 2550.
บรรพต ต้นธีรวงศ์. การไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้งในระบบบริการสุขภาพ. วารสารสาธารณสุขชุมชน. 2552;15(3):45-52.
เพ็ญจันทร์ แสนประสาน และคณะ. แนวทางการพัฒนาระบบบริการพยาบาลโดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์. เชียงใหม่: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2549.
พิชญ์สินี รัตนลือชากุล. การจัดการความขัดแย้งในองค์กรสุขภาพ. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์; 2563.
ศิริวรรณ มนอัตระผดุง. ความขัดแย้งในสถานพยาบาลและการบริหารจัดการ. วารสารบริหารการพยาบาล. 2559;9(2):15–22.
สุมาลี ยุทธวรวิทย์. การจัดการความขัดแย้งในบริบทการพยาบาล. เชียงใหม่: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; 2550.
Rahim M A. Managing conflict in organizations. 4th ed. New Brunswick: Transaction Publishers; 2017.
Broukhim M, et al. Healthcare conflict management: perspectives from professionals. J Healthc Manag. 2018;63(1):35–45.
Choi J Y, Ahn S. Effects of Conflict Management Program on Nursing Students. Nurse Education Today. 2021;99:104765.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
เวอร์ชัน
- 2025-08-11 (2)
- 2025-08-11 (1)
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง