การพัฒนารูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการมีส่วนร่วมจากครอบครัว โรงพยาบาลศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม, โรคเบาหวานชนิดที่ 2, การมีส่วนร่วมจากครอบครัวบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัญหา พัฒนารูปแบบและศึกษาผลลัพธ์ของรูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการมีส่วนร่วมจากครอบครัว
รูปแบบการวิจัย : การศึกษาเชิงปฏิบัติการ (Action Research)
วัสดุและวิธีการวิจัย : การวิจัยครั้งนี้แบ่งการศึกษาออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1) ระยะที่ 1 การศึกษาสถานการณ์และปัญหาในการพัฒนา มีผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในช่วงระยะเวลาที่กำหนด จำนวน 132 คน ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบ มีผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ คณะกรรมการในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จำนวน 15 คน และกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 จากระยะที่ 1 จำนวน 132 คน และระยะที่ 3 การศึกษาผลลัพธ์รูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการมีส่วนร่วมจากครอบครัว มีผู้ให้ข้อมูลสำคัญ คือ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 จากระยะที่ 1 จำนวน 132 คน ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบเก็บข้อมูลที่พัฒนาขึ้นและทำการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือโดยการหาค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา (Content validity index, CVI) เท่ากับ 0.98 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา เปรียบเทียบผลลัพธ์ก่อนและหลังพัฒนาด้วย Paired sample t-test และวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย : สถานการณ์ปัญหาในการควบคุมเบาหวานในพื้นที่ ประกอบด้วยการขาดความรู้ด้านโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน การใช้ยาและการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม การขาดการออกกิจกรรมทางกายและการขจัดความเครียดที่เหมาะสม รวมถึงการขาดความรู้ด้านโรคเบาหวานของคนในครอบครัวผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งรูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการมีส่วนร่วมจากครอบครัว มี 6 ด้าน ได้แก่ 1) การให้ความรู้เรื่องโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อน 2) การใช้ยาให้เหมาะสมและรู้เท่าทัน 3) การควบคุมและปรับพฤติกรรมด้านอาหารให้สมดุล 4) การออกกิจกรรมทางกายและการดูแลเท้า 5) การฝึกปฏิบัติเพื่อจัดการความเครียด 6) การสร้างความร่วมมือกับครอบครัวด้วยการติดตามอย่างต่อเนื่องร่วมกัน เกิดผลลัพธ์ในการพัฒนารูปแบบฯ ครั้งนี้ คือ หลังการพัฒนาพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานมีระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) ลดลงจาก 26.37mg% ระดับน้ำตาลในเลือดสะสม (HbA1c) ลดลง 1.40 mg% ; ระดับ Cholesterol ลดลง 25.95 mg/dL; ระดับ LDL ลดลง 24.13 mg% ซึ่งหลังพัฒนารูปแบบมีค่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001, p<.001, p<.001, p<.001 ตามลำดับ) ส่วนระดับ HDL เพิ่มขึ้น 3.05mg% และระดับ eGFR มีค่าเพิ่มขึ้นจาก 2.88 mL/min/1.73 m² อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p=.009 และ p<0.001 ตามลำดับ) แต่ระดับ Creatinine ไม่แตกต่างกัน (p=.100)
สรุปและข้อเสนอแนะ : รูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการมีส่วนร่วมจากครอบครัว ส่งผลให้ให้ผู้ป่วยควบคุมระดับ HbA1c, มีการดูแลตนเองที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้การควบคุมโรคเบาหวานได้ดีมากขึ้น
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization. Global report on diabetes. France: World Health Organization; 2016.
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. กรมควบคุมโรค รณรงค์วันเบาหวานโลก 2566 มุ่งเน้นให้ความรู้ประชาชนถึงความเสี่ยงโรคเบาหวาน และหากตรวจพบก่อนจะลดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 15 เมษายน 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=38403&deptcode=brc&news_views=2606.
วิชัย เอกพลากร. สำรวจสุขภาพประชาชนไทยและจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพและนโยบาย. กรุงเทพฯ: คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล; 2566.
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อของประเทศไทย (พ.ศ.2566 – 2570) [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 15 เมษายน 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://www.ddc.moph.go.th/dncd/journal_detail.phppublish=15419&fbclid=IwY2xjawFcF9leHRuA2FlbQIemu2SKMWWkpozCZHzv0KywPA.
สฤษดิ์ คูสกุลรัตน์. การพยาบาลผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ที่มีภาวะแทรกซ้อน : เปรียบเทียบกรณีศึกษา 2 ราย. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน. 2567; 9(2):127-38.
ณภัทริน พุฒศรี. การพยาบาลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ : กรณีศึกษา 2 ราย [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 20 สิงหาคม 2567].เข้าถึงได้จาก: https://srth.go.th/research/file/20240618172458
ทรงกรฎ ศฤงคาร, มยุรี นิรัตธราดร, ปรีย์กมล รัชนกุล. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการจัดการตนเองและครอบครัวต่อพฤติกรรม การควบคุมระดับน้ำตาลและระดับน้ำตาลสะสมในเลือด ของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารวิจัยสุขภาพและการพยาบาล. 2565;38(1):86-96.
ถาวร สายสวรรค์. การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยทีมสหสาขาวิชาชีพด้วยหลักเวชศาสตร์ครอบครัว. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2563; 29(1):91-98.
Health data center (HDC). รายงานมาตรฐาน ข้อมูลตอบสนอง Service plan สาขาโรคไม่ติดต่อ (NCD DM, HT, CVD) ร้อยละผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 20 สิงหาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://hdc.moph.go.th/ret/public/standardreportdetail/137a726340e4dfde7bbbc5d8aeee3ac3.
Kemmis S, McTaggart R. The action research planner. 3rd ef. Victoria : Deakin University press; 1988.
สฤษดิ์ คูสกุลรัตน์. การพยาบาลผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากไม่สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ที่มีภาวะแทรกซ้อน : เปรียบเทียบกรณีศึกษา 2 ราย. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน. 2567; 9(2):127-38.
ณภัทริน พุฒศรี. การพยาบาลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ : กรณีศึกษา 2 ราย [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 20 สิงหาคม 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://srth.go.th/research/file/2024061817245893_2567
Hurst C P, Rakkapao N and Hay K. Impact of diabetes self-management, diabetes management self-efficacy and diabetes knowledge on glycemic control in people with Type 2 Diabetes (T2D): A multi-center study in Thailand. PLoS One. 2020;15(12):1-14.
Jiraporncharoen W, Pinyopornpanish K, Junjom K, Dejkriengkraikul N, Wisetborisut A, Hashmi A, et al. Exploring perceptions, attitudes and beliefs of Thai patients with type 2 diabetes mellitus as they relate to medication adherence at an out-patient primary care clinic in Chiang Mai, Thailand. BMC Prim Care. 2020;21(1):129.
Woodward J, Gair M, Lapalme J, Shaw K, MacKenzie-Stewart P, Waddell A, et al. Barriers and facilitators of self-management of diabetes amongst people experiencing socioeconomic deprivation: A systematic review and qualitative synthesis. Health Expect. 2024;27(1):e14070.
Darraj A. The Link Between Sleeping and Type 2 Diabetes: A Systematic Review. Cureus. 2023;15(11):e48228.
Wichit N, Mnatzaganian G, Courtney M, Schulz P, Johnson M. Randomized controlled trial of a family-oriented self-management program to improve self-efficacy, glycemic control and quality of life among Thai individuals with Type 2 diabetes. Diabetes Res Clin Pract. 2017;123:200-8.
Chun Cai and Jie Hu. Effectiveness of a Family-based Diabetes Self-management Educational Intervention for Chinese Adults With Type 2 Diabetes in Wuhan, China. The Diabetes Educator. 2016;42(6):697-711.
Diriba D C, Leung D Y P and Suen L K P. Effects of family-based diabetes self-management education and support programme on support behaviour amongst adults with type 2 diabetes in Western Ethiopia. Sci Rep. 2023;27;13(1):20867.
ElSayed N A, Aleppo G, Aroda V R, Bannuru R R, Brown F M, Bruemmer D, et al. Cardiovascular Disease and Risk Management: Standards of Care in Diabetes-2024. Diabetes Care. 2024;47(Suppl 1):S179-S218.
ElSayed N A, Aleppo G, Bannuru R R, Beverly E A, Bruemmer D, Collins B S, et al. Chronic Kidney Disease and Risk Management: Standards of Care in Diabetes-2025. Diabetes Care. 2025;48 (Supplement_1):S239-S252.
Levey A S, Stevens L A, Schmid C H, Zhang Y L, Castro A F 3rd, Feldman HI, et al. A new equation to estimate glomerular filtration rate. Ann Intern Med. 2009;150(9):604-12.
Inker L A, Eneanya N D, Coresh J, Tighiouart H, Wang D, Sang Y, et al. New Creatinine- and Cystatin C-Based Equations to Estimate GFR without Race. N Engl J Med. 2021;385(19):1737-49.
Captieux M, Pearce G, Parke H L, Epiphaniou E, Wild S, Taylor S J C, et al. Supported self-management for people with type 2 diabetes: a meta-review of quantitative systematic reviews. BMJ Open. 2018;8(12):e024262.
Busebaia F M, Nazzal Z A, AbuZahra H A. The role of family in supporting adherence to diabetes self-care management practices: An umbrella review. J Adv Nurs. 2023;79(11):4074-87.
Strom J L, Egede L E. The impact of social support on outcomes in adult patients with type 2 diabetes: a systematic review. Curr Diab Rep. 2012;12(6):769-81.
Song Y, Nam S, Park S, Shin IS, Ku BJ. The impact of social support on self-care of patients with diabetes: what is the effect of diabetes type? Systematic review and meta-analysis. Diabetes Educ. 2017;43(4):396-412.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
เวอร์ชัน
- 2025-07-27 (3)
- 2025-07-27 (2)
- 2025-07-27 (1)
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง