การพัฒนารูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดในงานอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลเมืองสรวง
คำสำคัญ:
การจัดการภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด, การพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉิน, การติดเชื้อในกระแสเลือด, การนำชุดการดูแลรักษาไปปฏิบัติบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหา พัฒนารูปแบบ ทดลองใช้และประเมิน และปรับปรุงรูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดในงานอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน
รูปแบบการวิจัย : เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development)
วัสดุและวิธีการวิจัย : กลุ่มเป้าหมายสำหรับการศึกษาสภาพปัญหาจากผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ที่เคยมารับบริการ 94 คน การสนทนกลุ่มโดยแพทย์ พยาบาลวิชาชีพ เจ้าพนักงานเวชกิจฉุกเฉิน 10 คน ผู้เชี่ยวชาญ 3 คนสำหรับพิจารณาความเหมาะสมของรูปแบบฯ ทดลองใช้รูปแบบโดยพยาบาลวิชาชีพและเจ้าพนักงานเวชกิจฉุกเฉิน 20 คน และผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด 46 คน และพยาบาลวิชาชีพ 20 คน ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน 2568 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบ แบบสอบถาม และแบบบันทึก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และ %Differences
ผลการวิจัย : 1) พบปัญหาทั้งด้านผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ระบบบริการ และวัสดุและเครื่องมือแพทย์ 2)รูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดในงานอุบัติเหตุ-ฉุกเฉินประกอบด้วยขั้นตอน (1) Sepsis alert (2) Sepsis bundle: 6 actions, 1 Hour (3) Ongoing management & escalation และ (4) Discharge criteria หรือ “ABOD model” 3) หลังการพัฒนาการดูแลภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในหลายมิติ เช่น ด้านประชากรอายุเฉลี่ยผู้ป่วยลดลงอย่างชัดเจน จาก 67.2 ปี เหลือ 59.2 ปี และสัดส่วนผู้ดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น ลักษณะทางคลินิกภาวะพบว่า ระยะเวลาการดำเนินการ ระยะเวลารวมในการรายงานแพทย์ลดลงเล็กน้อย แต่ระยะเวลาเริ่มให้สารน้ำแก่ผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดกลับเพิ่มขึ้น และผลลัพธ์สำคัญคือ การเกิดภาวะช็อกจากการติดเชื้อ (Septic shock) ลดลง และ 4) หลังการพัฒนา พบว่า คะแนนเฉลี่ยก่อนการพัฒนาอยู่ที่ 92.50 คะแนน และหลังการพัฒนาเพิ่มขึ้นเป็น 95.25 คะแนน คิดเป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นร้อยละ 1.94 ด้านการปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด พบว่า โดยรวมของการปฏิบัติอยู่ในระดับ “ดี” โดยมีคะแนนเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 1.91 ± 0.12 โดยเฉพาะในหลายกิจกรรมที่ได้คะแนนเต็มในระดับ “ดี” (2.00 ± 0.00) ได้แก่ การเก็บตัวอย่างเลือดเพาะเชื้อ (Take H/C) การให้สารน้ำและยาปฏิชีวนะภายใน 1 ชั่วโมง, การใส่สายสวนปัสสาวะ (Foley Cath) และการเตรียมความพร้อมก่อนส่งต่อและการส่งต่อข้อมูล
สรุปและข้อเสนอแนะ : การศึกษาครั้งนี้ส่งผลให้ผลลัพธ์ทางคลินิกดีขึ้น ดังนั้น หน่วยงานที่นำไปใช้อาจจำเป็นต้องได้รับการประเมินผลการดำเนินการซ้ำอีกในระยะยาวเพื่อยืนยันความต่อเนื่องและความยั่งยืนต่อไป
เอกสารอ้างอิง
Fleischmann-Struzek C, Mellhammar L, Rose N, Cassini A, Rudd KE, Schlattmann P, et al. The global burden of sepsis: barriers and potential solutions. Crit Care. 2020;24(1):232.
World Health Organization. Sepsis. [Internet]. Geneva: WHO; [cited 2025 June 12]. Available from: https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/sepsis
โรงพยาบาลเมืองสรวง. รายงานผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สาธารณสุข. ร้อยเอ็ด: กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลเมืองสรวง; 2566.
ธนพร หนองพล. การพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดโดยการมีส่วนร่วมของทีมสหวิชาชีพในโรงพยาบาลเกษตรวิสัย. วารสารวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ. 2567;7(1):50–62.
Creswell J W. Research Design: Qualitative, Quantitative, and Mixed Methods Approaches. 5th ed. Thousand Oaks (CA): SAGE Publications; 2018.
Al-Orainan A, Alotaibi R, Alshammari F, et al. Impact of sepsis education for healthcare professionals and students: A systematic review. J Hosp Infect. 2022;119:1-10.
Chompunot P, et al. The Accuracy of Sepsis Screening Score for Mortality Prediction at Emergency Department Triage. J Emerg Med. 2022;62(5):e1-e7.
Wong A, et al. Sepsis Alert Systems, Mortality, and Adherence in Emergency Departments. JAMA Netw Open. 2022;5(1):e2147044.
Centers for Disease Control and Prevention. Hospital Sepsis Program Core Elements [Internet]. 2023 [cited 2025 June 12]. Available from: https://www.cdc.gov/sepsis/media/pdfs/hospital-2023-annual-survey-508.pdf
Evans L, Rhodes A, Alhazzani W, Antonelli M, Coopersmith C M, Craig French, et al. Surviving Sepsis Campaign: international guidelines for management of sepsis and septic shock 2021. Intensive Care Med. 2021;47(11):1181-247.
Fernando S M, Tran A, Taljaard M , Cheng W, Rochwerg B, Seely A J E, et al. Prognostic Accuracy of the Quick Sequential Organ Failure Assessment for Mortality in Patients With Suspected Infection: A Systematic Review and Meta-analysis. Ann Intern Med. 2021;174(2):232-40.
Self W H, Semler M W, Bellomo R, Brown S M, deBoisblanc B P, Exline M C. Liberal versus restrictive intravenous fluid therapy for early septic shock: the PLUS randomized clinical trial. Ann Emerg Med. 2018;72(4):457-66.
Cecconi M, Evans L, Levy M, Rhodes A, et al. Sepsis and septic shock. Lancet. 2018 Jul 7;392(10141):75-87.
Alam N, Oskam E, Purmer I M, Exter P V, Ven P M, Haak H R, et al. Prehospital prediction of sepsis using qSOFA and early warning systems: a prospective cohort study. *Intensive Care Med. Lancet Respir Med. 2018;6(1):40-50.
Johnson A B, Davis K A, Miller R R III, et al. A multidisciplinary quality improvement initiative to improve sepsis bundle compliance in the emergency department. Am J Emerg Med. 2021;46:165-70.
Aliyu S, Chen L, O’Connor M, et al. Impact of simulation-based sepsis training on emergency nurses' knowledge and clinical performance: A quasi-experimental study. Nurse Educ Today. 2023;121:105698.
Smith J D, Patel R K, Williams T L, et al. Long-term outcomes of sepsis nurse education programs: A multi-center cohort study. Crit Care Explor. 2022;4(4):e0678.
Chen X, Wang Y, Li Y, et al. The effectiveness of educational interventions on improving nurses' competence in sepsis care: A systematic review and meta-analysis. Intensive Crit Care Nurs. 2023;76:103395.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
