การพัฒนาระบบเพื่อลดความคลาดเคลื่อนทางยาภายในคลินิกวัณโรค โรงพยาบาลมุกดาหาร
คำสำคัญ:
ความคลาดเคลื่อนทางยา (Medication Error), วัณโรค (Tuberculosis : TB)บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: พัฒนาระบบงานเพื่อลดความคลาดเคลื่อนทางยา รวมถึงประเมินผลการพัฒนาระบบงานเพื่อลดความคลาดเคลื่อนทางยา ภายในคลินิกวัณโรค โรงพยาบาลมุกดาหาร
รูปแบบการวิจัย: การศึกษาข้อมูลแบบย้อนหลัง (Retrospective cohort study) และการศึกษาแบบไปข้างหน้า (Prospective cohort study)
วัสดุและวิธีการวิจัย: ก่อนพัฒนาระบบ เป็นการศึกษาแบบย้อนหลัง (Retrospective cohort study) โดยวิเคราะห์รูปแบบข้อมูลความคลาดเคลื่อนทางยา จากการบันทึกข้อมูลความคลาดเคลื่อนทางยา ในแบบฟอร์มสรุปผลการดำเนินงาน Ambulatory care TB clinic ประจำเดือน ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2566 ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2567 และหลังพัฒนาระบบเป็นการศึกษาแบบไปข้างหน้า (Prospective cohort study) โดยวิเคราะห์รูปแบบข้อมูลความคลาดเคลื่อนทางยา หลังพัฒนาระบบ จากการบันทึกข้อมูลความคลาดเคลื่อนทางยา ในแบบฟอร์มสรุปผลการดำเนินงาน Ambulatory care TB clinic ประจำเดือน ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2567 ถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2568
ผลการวิจัย : ก่อนพัฒนาระบบได้มีการเก็บข้อมูลความคลาดเคลื่อนทางยา ด้วยวิธีการศึกษาแบบย้อนหลัง (Retrospective cohort study) พบว่า เกิดความคลาดเคลื่อนทางยา จำนวน 65 ครั้งต่อ 814 ใบสั่งยา (7.98%) เป็นความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา 29 ครั้ง (3.56%) ความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกคำสั่งใช้ยา 2 ครั้ง (0.24%) ความคลาดเคลื่อนก่อนการจ่ายยา 20 ครั้ง (2.46%) ความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา 3 ครั้ง (0.37%) ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา 1 ครั้ง (0.12%) ความคลาดเคลื่อนในการใช้ยาของผู้ป่วย 10 ครั้ง (1.23%) หลังพัฒนาระบบ ได้มีการเก็บข้อมูลความคลาดเคลื่อนทางยา ด้วยวิธีการศึกษาแบบไปข้างหน้า (Prospective cohort study) พบว่าเกิดความคลาดเคลื่อนทางยา จำนวน 29 ครั้งต่อ 861 ใบสั่งยา (3.37%) เป็นความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา 14 ครั้ง (1.63%) ความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกคำสั่งใช้ยา 0 ครั้ง ความคลาดเคลื่อนก่อนการจ่ายยา 11 ครั้ง (1.27%) ความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา 1 ครั้ง (0.12%) ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา 0 ครั้ง ความคลาดเคลื่อนในการใช้ยาของผู้ป่วย 3 ครั้ง (0.34%) ซึ่งพบว่า การพัฒนาระบบในรูปแบบต่างๆ โดยอ้างอิงจากสาเหตุ และปัจจัยที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนทางยา ของคลินิกวัณโรค โรงพยาบาลมุกดาหาร สามารถลดความคลาดเคลื่อนทางยาได้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05)
สรุปและข้อเสนอแนะ : การพัฒนาระบบในรูปแบบต่างๆ โดยอ้างอิงจากสาเหตุ และปัจจัยที่ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนทางยา ของคลินิกวัณโรค โรงพยาบาลมุกดาหาร สามารถลดความคลาดเคลื่อนทางยาได้ อย่างไรก็ตาม รูปแบบการพัฒนาระบบจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งทีมสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวผู้ป่วย ครอบครัว และสังคมรอบข้าง ทั้งนี้การพัฒนาระบบงานภายในคลินิกวัณโรค ควรกระทำอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้การบริบาลผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เอกสารอ้างอิง
Hawkin T C, Flynn L. Patient safety culture and nurse reported adverse event in outpatient hemodialysis units, Research and theory for nursing practice. An international journal. 2015; 29:53-65.
Brennan T A, Leape L L, Laird N M, Hebert L, Localio A R, Lawthers A G, et al. Incidence of adverse events and negligence in hospitalized patients. N Engl J Med. 1991;324:370-76.
Rich D S. New JCAHO medication management standards for 2004. Am J Health Syst Pharm. 2004;61(13):1349-58.
ฉัตราภรณ์ ชุ่มจิต, เยาวลักษณ์ อ่ำอำไพ. การจัดการระบบยาเพื่อความปลอดภัยด้านยาในโรงพยาบาล : บทวิเคราะห์ปัญหาและโอกาสในการพัฒนา. Thai Pharmacentional and Health Science Journal. 2552;4(1):127-35.
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. นโยบายระดับชาติด้านความปลอดภัยของผู้ป่วย 2550 -2551. นนทบุรี: กระทรวงสาธารณสุข; 2550.
World Health Organization. The END TB Strategy. Geneva, Switzerland: WHO; 2022.
กองวัณโรค กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการควบคุมวัณโรคประเทศไทย พ.ศ.2564 (National Tuberculosis Control Programme Guideline, Thailand 2021 : NTP 2021). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2564.
The National Coordinating Council for Medication Error Reporting and Prevention (NCC MERP) Medication Error Reporting and Prevention [Internet].2017 [Cited 2019 Nov 1]. Available from: http://www.nccmerp.org/about-medication-errors
จันทร์ธิมา เพียรธรรม. การพัฒนากระบวนการความคลาดเคลื่อนทางยาในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เครือข่ายบริการสุขภาพ อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ [วิทยานิพนธ์]. มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยมหาสารคาม; 2561.
เดือนเด่น บุญรังสรรค์. การพัฒนาระบบสั่งจ่ายยาเพื่อลดความคลาดเคลื่อนทางยาของผู้ป่วยที่มาติดตามการรักษา ณ โรงพยาบาลสวนผึ้ง [วิทยานิพนธ์]. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร; 2553.
Rattanarojsakul P, Thawesaengskulthai N. A Medication Safety Model : A Case Study in Thailand Hospital. Global Journal of Health Science [Internet]. 2013 [Cited 2020 Jan 15]. Available from: http://doi.org/10.5539/gihs..v5n5p89
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง