การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพและเมืองสมุนไพรจังหวัดร้อยเอ็ด การยกระดับคุณภาพมาตรฐานการปลูก แปรรูปวัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพร ในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
คำสำคัญ:
เศรษฐกิจสุขภาพ, เมืองสมุนไพร, คุณภาพมาตรฐาน, การปลูก, แปรรูปวัตถุดิบสมุนไพรบทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาสถานการณ์ การพัฒนารูปแบบ และการประเมินผลรูปแบบการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพและเมืองสมุนไพรจังหวัดร้อยเอ็ด
รูปแบบการวิจัย : การวิจัยและพัฒนา (Research and Development Research ; R&D)
วัสดุและวิธีการวิจัย : การวิจัยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาสถานการณ์ โดยผู้ร่วมวิจัยเป็นทีมพี่เลี้ยง ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จำนวน 15 คน และเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร ในจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ประเด็นการสนทนากลุ่ม และประเด็นการสัมภาษณ์เชิงลึก ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบ โดยผู้ร่วมวิจัยกลุ่มเดิม แบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมและการหารูปแบบการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพและเมืองสมุนไพรจังหวัดร้อยเอ็ด และขั้นตอนที่ 2 การดำเนินงานตามกระบวนการตามรูปแบบที่พัฒนาขึ้น วงจรเดมมิ่ง (Deming Circle) มาใช้ในกระบวนการวิจัย จำนวน 2 วงรอบ และระยะที่ 3 ประเมินผลรูปแบบ โดยศึกษาในกลุ่มตัวอย่างเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร จำนวน 200 คน จากแบบสอบถาม ระยะเวลาดำเนินการ เดือนธันวาคม 2566 ถึง ธันวาคม 2567 วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา และเชิงปริมาณโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติอนุมาน ได้แก่ Paired t-test
ผลการวิจัย : พบประเด็นปัญหาดังนี้ ขาดความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของชุมชน การพัฒนารูปแบบการจัดการที่เหมาะสม การจำกัดด้านงบประมาณและโครงสร้างพื้นฐาน การควบคุมมาตรฐานและความปลอดภัย การขาดการวิจัยและพัฒนา การส่งเสริมและพัฒนาทักษะผู้ประกอบการและบุคลากร การตลาดและการเข้าถึงตลาด จึงได้มีการพัฒนารูปแบบ โดยการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมและการหารูปแบบการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจสุขภาพและเมืองสมุนไพรจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งได้หลักสูตรการอบรม “Roi Et Herbal Training Program” รวมทั้งได้ “คู่มือการพัฒนาและยกระดับพืชสมุนไพรกลุ่มร้อยแก่นสารสินธุ์” เพื่อเพิ่มศักยภาพพี่เลี้ยงและการอบรมให้ความรู้เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรและสร้างเครือข่ายร่วมกับการทำข้อตกลงความร่วมมือ โดยหลังการพัฒนารูปแบบ พบว่า เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนการอบรม คิดเป็น 50.83% และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบอยู่ในระดับสูง
สรุปและข้อเสนอแนะ : ควรมีการนำรูปแบบการขับเคลื่อนที่พัฒนาขึ้นไปปรับใช้และขยายผลในพื้นที่อื่นๆ และศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการพัฒนาเมืองสมุนไพร รวมทั้งการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
เอกสารอ้างอิง
ภัทระ คำพิทักษ์. "5 กระทรวง" ผนึกกำลังเดินหน้าเต็มสูบพัฒนา "เมืองสมุนไพร" กระตุ้นเศรษฐกิจไทย. สำนักข่าวออนไลน์ Hfocus [อินเทอร์เน็ต]. 2567 [เข้าถึงเมื่อ 1 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.hfocus.org/content/2024/04/30142?utm_source=chatgpt.com.
สำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ. สมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพร. กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 1 ตุลาคม 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.ditp.go.th/contents_attach/978070/978070.pdf?utm_source=chatgpt.com.
บุญชุม ศรีสะอาด. การวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น; 2545.
ปราณี มีหาญพงษ์, กรรณิการ์ ฉัตรดอกไม้ไพร. การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวิจัยทางการพยาบาล. วารสารพยาบาลทหารบก. 2561;19(1):9–15.
คณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ. แผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566 – 2570. นนทบุรี: กองสมุนไพรเพื่อเศรษฐกิจ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข; 2566.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570). กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ; 2566.
กระทรวงสาธารณสุข. แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาสมุนไพรแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2565. กรุงเทพฯ: กระทรวงสาธารณสุข; 2560.
พนารัตน์ ชาญณรงค์. ปัจจัยที่มีผลต่อการเข้ารับการอบรมตามโครงการส่งเสริมการเกษตรของเกษตรกร อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง [วิทยานิพนธ์]. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช; 2564.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง