กลยุทธ์การสื่อสารสุขภาพเพื่อสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจ พฤติกรรมการรับวัคซีนและความครอบคลุม ของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประชาชน โดยใช้กลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับอำเภอ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด
คำสำคัญ:
กลยุทธ์การสื่อสารสุขภาพ, ความรู้ความเข้าใจ, พฤติกรรมการรับวัคซีน, ความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนโควิด-19บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาบริบท พัฒนากลยุทธ์ และประเมินผลลัพธ์กลยุทธ์การสื่อสารสุขภาพเพื่อสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจ พฤติกรรมการรับวัคซีนและความครอบคลุมของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประชาชน
รูปแบบการวิจัย : การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action research)
วัสดุและวิธีการวิจัย : กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญเป็นคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 21 คน ทีมสหวิชาชีพ พยาบาล เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และภาคีเครือข่าย จำนวน 21 คน และกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 242 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบทดสอบความรู้และพฤติกรรมการรับวัคซีน และแบบรายงานความครอบคุลมการฉีดวัคซีน และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ความถี่ ร้อยละ และ %Differences
ผลการวิจัย : พบว่า (1) การศึกษาด้านการสื่อสารสุขภาพในประเทศไทยส่วนใหญ่มีจุดเริ่มต้นจากความสนใจศึกษาปัญหาสุขภาพในลักษณะเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางสังคมที่เป็นปัญหาสุขภาพในลักษณะเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับปัจจัยทางสังคม อันเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อสภาวะสุขภาพของคนไทย นำไปสู่การเกิดปัญหาหรือวาระสาธารณะที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพ โดยปรากฏการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทเป็นกลไกเกี่ยวข้องต่อกระบวนการแสวงหาคำตอบหรือแนวทางแก้ไขปัญหาภายใต้กระบวนการวิจัยเพื่อศึกษาหาคำตอบนำไปสู่บทสรุป คือ ข้อค้นพบที่เป็นข้อเสนอแนะหรือองค์ความรู้ ที่อาจเป็นองค์ความรู้ใหม่ หรือองค์ความรู้ที่ขยายฐานจากความรู้เดิม และพบว่า คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอมีความรู้ และพฤติกรรมการรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (2) กลยุทธ์การสื่อสารสุขภาพมี 6 ขั้นตอน คือ การศึกษาสถานการณ์การสื่อสารสุขภาพ การกำหนดเป้าหมาย การจัดทำแผนการฉีดวัคซีนและสื่อสารแผนงาน การจูงใจและสื่อสารให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีน การสร้างแรงจูงใจมากกว่าบังคับ และการใช้ข้อความที่ใช้สื่อสารเพื่อเชิญชวน และ (3) ประเมินผลลัพธ์ พบว่า ความครอบคลุมการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประชาชนทุกกลุ่มอายุเพิ่มขึ้น 35.53% และกลุ่ม 608 เพิ่มขึ้น 38.21% กลยุทธ์การสื่อสารสุขภาพครั้งนี้ส่งผลให้กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญมีความรู้และพฤติกรรมการรับวัคซีนป้องกันโควิด 19 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง และความครอบคลุมการฉีดวัคซีนของประชาชนทุกกลุ่มอายุและกลุ่ม 608 เพิ่มขึ้น
สรุปและข้อเสนอแนะ : กลยุทธ์การสื่อสารสุขภาพครั้งนี้ส่งให้ผลลัพธ์การดำเนินงานเพิ่ม ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำไปใช้แก้ปัญหาในพื้นที่ได้
เอกสารอ้างอิง
Achanuntakul S. The role of the state, the media, and the public in communicating the management of the COVID-19 vaccine [Internet]. Bangkok; Thai Media Fund; 2021 [Cited 2021 Oct 27]; Available from: https://www.thaimediafund.or.th/20220119-2/#
Chopsri S. The desirable characteristics of public health communicator of the people, mueng dristrict, Uthaithani province. Electronic Journal of open and distance Innovative learning. 2014;4(1):47-58.
Weiner A J, Kahn H. Crisis and Arms Control in International crisis: Insights from behavior research. New York: Free Press; 1972.
World Health Organization. WHO global strategy on people-centered and integrated health services. Geneva: World Health Organization; 2015.
Strategy and planning division. Thai public health 2016-2017. Nonthaburi. Ministry of public health; 2019.
Mosoongnern W, Rojjanaprapayon R. An Investigation of the public health communication in response to the 2009 influenza outbreak by the public health ministry of Thailand. Journal of nursing and education. 2011;4(3):2-15.
Kemmis, McTaggart R. The Action research planner, 3rd ed. Geelong: Deakin University, Australia; 2000.
Neunghathai Khopolklang and Kitti Gunpai. The Research of Health Communication: The Social Development Devices. Suranaree J. Soc. Sci. 2010;4(1):65-77.
Panyathorn K, Sapsirisopa K, Sriboonpimsuay W, Tanglakmankhong K, Srisuwan P. Knowledge, health beliefs and preventing behaviors of COVID-19 among village health volunteersin Cheangpin sub-district, mueang district, Udonthani province. Udonthani hospital medical journal. 2022;30(1):1-11.
Phetcharak K, Inpant S, Sondee S, Talerd W, Jantarasuk C, Polchamratpat R. The effect of an online community health care competency development program on the knowledge of village health volunteers during the covid outbreak. Mahasarakham hospital journal. 2023;20(1):195-202.
Phansuma D, Boonruksa P. Knowledge, Attitudes, and preventive behaviors of COVID-19 among residents in Pru Yai sub-district, muang district, Nakhon Ratchasima province. Srinagarind med J. 2021;36(5):597-604.
Bloom, B. S. Taxonomy of Educational Objectives. Handbook 1 Cognitive Domain. London: David McKay Company; 1979.
Orem D E. Nursing: Concepts of practice. (6th ed.) St. Louis: Mosby; 2001.
Pender N J, Murdaugh C L, Parsons M A. Health promotion in nursing; 2006. practice. (5th ed.) Jurong, Singapore: pearson; 2006.
Moongtavekait W, Vichean P, Chawalitsuphaserani P. Effectiveness of the health education program on the prevention of Covid-19 toward self-care of the elderly living in Ban Kachang, Pathum Thani. Pathumthani university academic journal. 2021;13(2):313-23.
Kotpan K, Junnua N. Associated between health literacy and Coranavirus Disease 2019 prevention behavior among people in Mukdahan province. The 14th National academic conference on research; July 11-12, 2022; Ubon Ratchathani University. Ubon Ratchathani; 2022.
Thanasak Thongsri T. The prevention of the spreading of Coronavirus infection disease (COVID-19) Model of the operations district health board (DHB), Muangsamsip district, Ubon Ratchathani province. Academic Journal of community public health. 2023;9(1):58-71.
Malisuwan C, Sriaremhad Y, Taemasa R. Communication model for reducing the operational risk of public health volunteers in the pandemic of the Covid 19 Virus in Yala province. Journal of MCU peace studies. 2021;9(7):2963-68.
Chantana S, Wijitjammaree N. New media of the Ministry of Public Health and to study the communication guidelines to promote public trust the COVID-19 epidemic. Journal of MCU nakhondhat. 2022;9(5):570-84.
Khamthap N. Results of the implementation of the COVID-19 vaccine service in Ban Tak District, Tak province; 2022.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
