การพัฒนารูปแบบการเยี่ยมติดตามหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ เครือข่ายโรงพยาบาลหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาสถานการณ์และพัฒนารูปแบบการเยี่ยมติดตามหญิงตั้งครรภ์ก่อน 12 สัปดาห์
รูปแบบการวิจัย: การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research)
วัสดุและวิธีการวิจัย: ผู้มีส่วนร่วมในการศึกษา ประกอบด้วย 1) หญิงตั้งครรภ์ที่มารับบริการโรงพยาบาลหนองพอก จำนวน 277 คน 2) แพทย์ พยาบาล สหสาขาวิชาชีพ จิตอาสาและนักพัฒนาชุมชน หญิงตั้งครรภ์และครอบครัว 5 กลุ่มๆละ 12 คน จำนวน 60 คน และ 3) กลุ่มเป้าหมายหลักเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่มารับบริการฝากครรภ์ จำนวน 104 คน โดยเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาเป็นนวัตกรรม VAlCHOR MODEL และเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม แบบสอบถามความพึงพอใจ แบบบันทึกการประชุมระดมความคิดเห็น และแบบสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์เชิงเนื้อหา
ผลการวิจัย: ระยะที่ 1) อัตราการมาฝากครรภ์ครั้งแรกภายใน 12 สัปดาห์ของหญิงตั้งครรภ์ร้อยละ 46 วิเคราะห์และหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจนในที่ประชุม ตกลงแก้ไขปัญหาโดยการสร้างรูปแบบใหม่ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ คือ หลักการ จุดมุ่งหมายวัตถุประสงค์ เป้าหมาย โครงสร้างการดำเนินงาน ใช้นวัตกรรม VAlCHOR MODEL เงื่อนไขสู่ความสำเร็จและผลผลิต โดยเน้นพัฒนาจิตใจ เสริมพลังเรื่องการสนับสนุนการให้สุขภาพมารดาและทารกสุขภาพดีขึ้น ให้มีผู้รับผิดชอบข้อมูล มีการจัดบริการคลินิก เน้นเรื่องทักษะและวิธีการจัดการสุขภาพผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จากการใช้แบบสอบถามและการสนทนากลุ่มของหญิงตั้งครรภ์และครอบครัวมาสร้างเป็นชุดกิจกรรมในรูปแบบการติดตามหญิงตั้งครรภ์ฝากครรภ์ครั้งแรกภายใน 12 สัปดาห์ ระยะที่ 2) นำรูปแบบที่ได้ไปทดลองใช้การเยี่ยมติดตามหญิงตั้งครรภ์ฝากครรภ์ก่อน 12 สัปดาห์ ทั้ง 7 ขั้นตอน จำนวน 13 แห่ง ระยะที่ 3) ระยะประเมินผล การประเมินทุกด้านและโดยรวมอยู่ในระดับมาก ความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมในระดับมากที่สุด กลุ่มสาธารณสุขและกลุ่มสังคม พบว่า พึงพอใจอยู่ในระดับมาก ระยะที่ 4) ผลการสะท้อนกลับข้อมูล ปัญหาจากการประชุมกลุ่มระดมสมอง และการสัมภาษณ์เชิงลึก จากหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย พบว่า ไม่สามารถฝากครรภ์ภายใน 12 สัปดาห์ได้ เนื่องจากความไม่สะดวกและวันนัดตรงกับการทำงานประจำพร้อมทั้งเป็นครรภ์แรก ไม่มั่นใจว่าตนตั้งครรภ์
สรุปและข้อเสนอแนะ:การนำรูปแบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาใช้ในพื้นที่มีการประสานเชื่อมโยงกับชุมชนทำให้ชุมชนได้ทราบถึงความสำคัญของการฝากครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ เกิดเครือข่ายร่วมในการดำเนินงาน ทำให้สามารถค้นหาหญิงตั้งครรภ์รายใหม่ได้เพิ่มขึ้นและครอบคลุมกว่ารูปแบบเดิม ส่งผลให้จำนวนหญิงตั้งครรภ์รายใหม่ที่ฝากครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ในปี 2562 มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก เดิมร้อยละ 87.04 เป็นร้อยล่ะ 96.49 ผลงานเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.0
References
2.สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด. (2561).รายงานมาตรฐานกลางจาก 43 แฟ้ม ปีงบประมาณ 2561.
กลุ่มรายงานมาตรฐาน งานส่งเสริมป้องกัน . อนามัยแม่และเด็ก ร้อยเอ็ด : โรงพยาบาลหนองพอก.
3. Kemmis, S & McTaggart, R. (1988). The Action Research Planer (3rd ed.). Victoria : Deakin University.
4. สมชาติ โตรักษา. (2557). เอกสารประกอบการเรียนรู้การพัฒนางานตามภารกิจหลักสู่งานวิจัย. คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
5. รัตนะ บัวสนธ์. (2552). การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการศึกษา. สำนักพิมพ์คำสมัย, กรุงเทพฯ.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
Versions
- 2022-03-15 (2)
- 2020-10-01 (1)
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2022 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
บทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย และพัฒนานวัตกรรมทางสุขภาพ สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ถือเป็น ผลงานวิชาการ งานวิจัย วิเคราะห์ ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้ประพันธ์ กองบรรณาธิการไม่จําเป็นต้องเห็น ด้วยเสมอไป และผู้ประพันธ์จะต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง