ลักษณะส่วนบุคคลและปัจจัยในการบริหารมีผลต่อการปฏิบัติงานตามมาตรฐานงานระบาดวิทยาโรคติดต่อของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จังหวัดมหาสารคาม
คำสำคัญ:
ลักษณะส่วนบุคคล, ปัจจัยในการบริหาร, การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาโดยวิธีการสำรวจแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะส่วนบุคคลและปัจจัยในการบริหารมีผลต่อการปฏิบัติงานตามมาตรฐานงานระบาดวิทยาโรคติดต่อของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จังหวัดมหาสารคาม กลุ่มตัวอย่างคือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 140 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 20 มกราคม 2556 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2556 นำมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุแบบขั้นตอน
ผลของการวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ เป็นเพศชาย ร้อยละ 60.71 อายุเฉลี่ย 35.02 ปี สถานภาพสมรสคู่ ร้อยละ 65.71 การศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 82.14 รายได้เฉลี่ย 21,655.55 บาท ระยะเวลาปฏิบัติงานเฉลี่ย 6.67 ปี ได้รับการอบรมงานระบาดโรคติดต่อ ร้อยละ 93.57 ปัจจัยในการบริหารในภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับปานกลาง (Mean dif = 3.44, 95%CI = 3.41 - 3.48 ) และการปฏิบัติงานตามมาตรฐานงานระบาดวิทยาโรคติดต่อ อยู่ในระดับสูง (Mean dif = 3.77, 95%CI = 3.70 - 3.84) ลักษณะส่วนบุคคล พบว่า ระดับการศึกษามีความสัมพันธ์ต่ำ กับการปฏิบัติงาน นอกนั้นไม่มีความสัมพันธ์ และปัจจัยในการบริหาร อยู่ในระดับปานกลาง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( r = 0.315, 95%CI = 0.32 – 1.00, p-value < 0.001 ) และพบว่า มี 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) ปัจจัยด้านเวลาในการปฏิบัติงาน 2) ปัจจัยด้านขวัญกำลังใจในการทำงาน และ 3) ระดับการศึกษา สามารถร่วมพยากรณ์การปฏิบัติงานตามมาตรฐานงานระบาดวิทยาโรคติดต่อ ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จังหวัดมหาสารคาม ได้ร้อยละ 29.2 (R2adj=0.292)
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
ความรับผิดชอบ
บทความที่ลงพิมพ์ในวารสารสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ขอนแก่น ถือเป็นผลงานทางวิชาการหรือวิจัย และวิเคราะห์ตลอดจนเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่ใช่ความเห็นของวารสารสำนักงาน ป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น หรือ ของกองบรรณาธิการแต่ประการใด ผู้เขียนต้องรับผิดชอบต่อบทความของตนเอง
ลิขสิทธ์บทความ
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์จะถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักงานป้องกันตวบคุมโรคที่ 7 จังหวัดขอนแก่น