ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับระยะเวลาการรับบริการในห้องฉุกเฉินนานเกิน 8 ชั่วโมงของโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช

บทคัดย่อ

ความเป็นมา :ห้องฉุกเฉินมีส่วนสำคัญในการดูแลผู้ป่วย ซึ่งต้องปฎิบัติอย่างรวดเร็วและทันท่วงที แต่ในปัจจุบันปัญหาสำคัญที่พบได้มาก คือ ภาวะแออัดของผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉินทำให้เกิดปัญหาตามมาหลายประการ เช่น การคั่งค้างของผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน ความผิดพลาดการรักษาที่เพิ่มมากขึ้น ประสิทธิภาพของผู้ปฏิบัติงานลดลง ฯลฯ ดังนั้นระยะเวลาจึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญของกระบวนการในห้องฉุกเฉิน การได้ทราบถึงปัจจัยที่สัมพันธ์กับระยะเวลาที่รอในห้องฉุกเฉินจึงมีส่วนช่วยแก้ไขปัญหาภาวะแออัดและพัฒนาระบบห้องฉุกเฉินได้
วัตถุประสงค์ :ศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับระยะเวลาการรับบริการในห้องฉุกเฉินนานกว่า 8 ชั่วโมงในผู้ป่วยที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุของโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
วิธีการศึกษา :เป็นการศึกษามีกลุ่มควบคุมโดยแบ่งประชากรศึกษาเป็น2กลุ่มคือกลุ่มที่รับบริการในห้องฉุกเฉิน

มากกว่า 8 ชั่วโมงและน้อยกว่าเท่ากับ 8 ชั่วโมงตามลำดับ โดยมีจำนวนประชากรศึกษากลุ่มละ 500 คน โดยเก็บข้อมูลจากแบบบันทึกข้อมูลวิจัย วิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์แบบถดถอยพหุโลจิสติกส์เพื่อศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับระยะเวลาการรับบริการในห้องฉุกเฉินนานกว่า 8 ชั่วโมงของโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช
ผลการศึกษา: ปัจจัยที่มีสัมพันธ์กับระยะเวลาการรับบริการในห้องฉุกเฉินนานกว่า 8 ชั่วโมงในผู้ป่วยที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุของโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช ได้แก่ การส่งตรวจภาพทางรังสีวินิจฉัย คิดเป็น Adjust OR 21.612  (95% CI 9.731,47.990) ,ช่วงเวลาทำงานเวรบ่าย(16.01-24,00) คิดเป็นAdjust OR 2.831 (95% CI 1.670,4.798) และการส่งปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง Adjust OR 21.699  (95% CI 7.300,64.501)

สรุป: ปัจจัยที่มีสัมพันธ์กับระยะเวลาการรับบริการในห้องฉุกเฉินนานกว่า 8 ชั่วโมงในผู้ป่วยที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุของโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช คือ การส่งตรวจภาพทางรังสีวินิจฉัย,ช่วงเวลาที่ผู้ป่วยมารับบริการช่วงเวรบ่าย(16.00-24.00 น.) และการส่งปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งต้องศึกษาสาเหตุของแต่ละปัจจัยเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาระบบห้องฉุกเฉินต่อไป