ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการดูแลตนเอง ของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
คำสำคัญ:
ความดันโลหิตสูง, การรับรู้สมรรถนะแห่งตน, พฤติกรรมการดูแลตนเอง, ระดับค่าความดันโลหิตสูงบทคัดย่อ
การวิจัยกึ่งทดลอง แบบสองกลุ่มวัดก่อนและหลังทดลอง วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการดูแลตนเอง และระดับค่าความดันโลหิตของผู้ป่วยโรค ความดันโลหิตสูง กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและได้รับการรักษาด้วยยา แบ่งเป็น กลุ่มทดลอง 26 คน กลุ่มควบคุม 26 คน สุ่มกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีสุ่มอย่างง่าย เก็บข้อมูล 9 กันยายน – 7 ตุลาคม 2565 การศึกษาครั้งนี้ใช้กระบวนการเสริมสร้างสมรรถนะแห่งตนของแบนดูราโดยใช้ระยะเวลา 4 สัปดาห์ เครื่องมือที่ใช้ คือ คู่มือส่งเสริมความรู้ร่วมกับแบบบันทึกพฤติกรรมสุขภาพตามปิงปองจราจรชีวิต 7 สี ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ I-CVI = 0.8 แบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลตนเองต่อโรค ความดันโลหิตสูง มีค่า CVI = 0.90 ค่าความเที่ยงสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาก) ได้เท่ากับ 0.71 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติ Paired T-test , Independent T-test, Wilcoxon Signed Ranks Test และ สถิติ Mann Whitney U Test
ผลการศึกษา: กลุ่มตัวอย่างจำนวน 52 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุเฉลี่ยของกลุ่มทดลอง (Mean = 59.50, S.D. ± 7.89) และ กลุ่มควบคุม (Mean = 62.23, S.D. ± 7.75) ข้อมูลทั่วไปของทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน ที่ p>.05 หลังทดลองค่าเฉลี่ยคะแนนพฤติกรรมการดูแลตนเองในกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม (Mean = 43.77, S.D. ± 4.8 และ 41.42, S.D. ± 5.9 ตามลำดับ) แต่ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ p= .15 หลังใช้โปรแกรมฯ กลุ่มทดลอง มีระดับความดันโลหิตเฉลี่ย (Mean = 127.96, S.D. ± 11.52 ) ลดลงกว่าก่อนใช้โปรแกรม (Mean = 139.38, S.D. ± 10.14) แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.001) โปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนของผู้ป่วยความดันโลหิตสูง มีแนวโน้มที่ทำให้ เพิ่มพฤติกรรมการดูแลตนเอง และทำให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตสูงได้
เอกสารอ้างอิง
World Health Organization (WHO). International Health Regulation [Internet]. 2013 [cited 2018 July 30]. Available from: http://www.who.int/cardiovascular_diseases/ publications/global_brief_hypertension/en/
วิชัย เอกพลากร, บรรณาธิการ. รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย. การประชุมเครือข่ายการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 1; 1 พฤศจิกายน 2559; สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข. นนทบุรี: สำนักพิมพ์อักษรกราฟฟิคแอนด์ดีไซน์; 2557.
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานโรคไม่ติดต่อ. แผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ 5 ปี (พ.ศ. 2560-2564) [อินเตอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 30 มิ.ย. 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://www.iccpportal.org/system/files/plans/Thailand%20National%20NCD%20plan%202017-2021.pdf.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่.ข้อมูลเกี่ยวกับร้อยละผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิต ได้ดี จังหวัดแพร่ [อินเตอร์เน็ต]. 2565 [เข้าถึงเมื่อ 30 มิ.ย. 2565]. เข้าถึงได้จาก: http://web2.pro.moph.go.th/w54/index.php/th/
เจษฎา โชคดำรงสุข. แผนยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2560-2564). กรุงเทพฯ: กองยุทธศาสตร์และแผนงาน; 2558.
สุปราณี สิทธิกานต์, ดารุณี จงอุดมการณ์. อุปสรรคในการเข้าถึงบริการสุขภาพระดับปฐมภูมิของผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมือง. วารสารพยาบาลศาสตร์และสุขภาพ 2563;43:20-49.
มลฤดี เพ็ชร์ลมุล. ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้ การรับรู้ และพฤติกรรมการป้องกันภาวะความดันโลหิตสูงในญาติผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. วารสารพยาบาลสาธารณสุข 2557;28:176-87.
พงนาศ หาญเจริญพิพัฒน์. ปัจจัยที่มีผลต่อการควบคุมระดับความดันโลหิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรมย์ 2563;35:651-62.
นิจกานต์ หนูอุไร, มนชนก เซ่งเอียง, จันทณี แซ่เอี้ยว, ภสกร มีบุญ, ลันธิญา เปาะอาเตะ.พฤติกรรมการใช้ประโยชน์และความพึงพอใจจากแอปพลิเคชั่นไลน์ที่ส่งผลต่อการรู้เท่าทันสื่อของผู้สูงอายุในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสงขลา. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 2564;3:145-76.
Bandura, A. Self-efficacy: The exercise of control. New York: W.H. Freeman and Company; 1997.
วิชัย เทียนถาวร. ระบบการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงในประเทศไทย: นโยบายสู่การปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งที่ 3. กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข; 2556.
รพีพรรณ วุฒิเอ้ย, เทียนทอง ต๊ะแก้ว. ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ตำบลแม่อิง อำเภอภูกามยาว จังหวัดพะเยา. วารสารสุขศึกษา 2564;40:102-114.
นวพร วุฒิธรรม. บทบาทพยาบาลในการ ส่งเสริมการควบคุมระดับความดันโลหิตใน ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง. วารพยาบาลสาร 2562;46:173-182
ศศิมา พึ่งโพธิ์ทอง, ทิพวรรณ ตั้งวงษ์กิจ, อรนุช นุ่นละออง, มยุรี บุญทัด, นันท์ซวัล คณาสุริยพัฒน์. ประสิทธิผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามหลัก 3อ.2ส. ผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูง อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท. วารสารแพทย์นาวี 2562;46:581-91.
อารีรัตน์ คนสวน. ผลของโปรแกรมการส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนและการสนับสนุนทางสังคมต่อพฤติกรรมการควบคุมอาหารและระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้ [วิทยานิพนธ์ปริญญาพยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต]. พัทลุง: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์; 2557.
จุฑารัตน์ ศิริพัฒน์, สุทธีพร มูลศาสตร์, ฉันทนา จันทวงศ์. ประสิทธิผลของโปรแกรมป้องกันโรคความดันโลหิตสูงในบุคคลที่เสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ 2562;37:42-51.
อัศนี วันชัย, จิตติพร ศรีษะเกตุ, วิชัย เทียนถาวร. การประยุกต์ใช้ปิงปองจราจรชีวิต 7 สีในการเฝ้าระวังโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง: การทบทวนขอบเขตงานวิจัย. วารสารวิจัยการพยาบาลและวิทยาศาสตร์สุขภาพ 2566;15:1-15.
ใหมมูน๊ะ สังขาว, เพลินพิศ ฐานิวัฒนานนท์. ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อความสม่ำเสมอในการรับประทานยาและระดับความดันโลหิตของผู้สูงอายุโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ 2563;40:84-100.
วิชาญ มีเครือรอด. ผลของโปรแกรมการสร้างเสริมสุขภาพต่อพฤติกรรมสุขภาพ ดัชนีมวลกายและระดับความดันโลหิต ของบุคลากรสาธารณสุขอําเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย. วารสารวิจัยและวิชาการสาธารณสุขจังหวัดพิจิตร 2563;1:70-85
สําราญ กาศสุวรรณ, ทัศนีย์ บุญอริยเทพ, รุ่งกิจ ปินใจ. ผลของโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพโดยใช้กระบวนการกลุ่ม ในกลุ่มเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ตําบลร้องเข็ม อําเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่. วารสารโรงพยาบาลแพร่ 2565;30:27-42.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ และคณาจารย์ท่านอื่นๆ ในวิทยาลัยพยาบาลฯ ความรับผิดชอบเกี่ยวกับบทความแต่ละเรื่องผู้เขียนจะรับผิดชอบของตนเอง
