พฤติกรรมการป้องกันการคลอดก่อนกำหนดของหญิงตั้งครรภ์ ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดในจังหวัดเพชรบุรี
คำสำคัญ:
หญิงตั้งครรภ์, พฤติกรรมการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด, ภาวะเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดบทคัดย่อ
การคลอดก่อนกำหนดเป็นการคลอดทารกก่อนอายุครรภ์ 37 สัปดาห์ ทารกที่คลอดก่อนกำหนดเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและปัญหาพัฒนาการทางระบบประสาทในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี การวิจัยเชิงสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์
เพื่อศึกษาพฤติกรรมการป้องกันการคลอดก่อนกำหนดของหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดในจังหวัดเพชรบุรี กลุ่มตัวอย่างเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่เสี่ยงต่อภาวะคลอดก่อนกำหนดที่มีอายุครรภ์ 14-36 สัปดาห์ รับบริการที่สถานบริการสุขภาพระดับทุติยภูมิในเขตจังหวัดเพชรบุรี โดยสุ่มกลุ่มตัวอย่างหลายขั้นตอน โรงพยาบาลละ16-17 คน จาก 8 อำเภอ รวมจำนวน 134 คน เก็บรวบรวมข้อมูล เดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม พ.ศ.2566 โดยใช้แบบประเมินพฤติกรรมการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด มีค่าความตรงเชิงเนื้อหา เท่ากับ .87 และความเชื่อมั่นสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาค เท่ากับ .90 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพรรณนา ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ในภาพรวมอยู่ในระดับดี ( =3.98, SD=.43) ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการรับผิดชอบต่อสุขภาพ (
=4.25, SD=.55) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ด้านจัดการความเครียด (
=3.66, SD=.84) จากผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า ควรส่งเสริมพฤติกรรมการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด โดยเฉพาะด้านจัดการความเครียดซึ่งมีคะแนนต่ำที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กรมการแพทย์. (2566). แนวปฏิบัติการป้องกันการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดสำหรับประเทศไทย ฉบับพ.ศ. 2566. นนทบุรี: สำนักพิมพ์กระทรวงสาธารณสุข.
กรรณิกา เพ็ชรักษ์, อุตม์ชญาน์ อินทเรือง และ ฝนทอง จิตจำนง. (2562). ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้การคลอดก่อนกำหนดและพฤติกรรมการป้องกันการคลอดก่อนกำหนดในมารดาหลังคลอด. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์, 34(1), 87-100.
จิราจันทร์ คณฑา. (2561). การรับรู้เกี่ยวกับการคลอดก่อนกำหนดและพฤติกรรมการป้องกันการคลอดก่อนกำหนดของหญิงตั้งครรภ์. ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์, 8(1), 1-12.
ชเนนทร์ วนาภิรักษ์ และ ธีระ ทองสง. (2564). การเจ็บครรภ์และการคลอดก่อนกำหนด. ใน ธีระ ทองสง, (บ.ก.), สูติศาสตร์ (พิมพ์ครั้งที่ 6) (น.244-259). เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ทิพสุดา นุ้ยแม้น. (2554). ผลของโปรแกรมการเสริมสร้างพลังอำนาจต่อพฤติกรรมการป้องกันการคลอดก่อนกำหนดในหญิงตั้งครรภ์วัยรุ่นมุสลิม. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต) สงขลา: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์.
ประไพรัตน์ แก้วศิริ, ศิริภรณ์ เหมะธุลิน, พิมลพรรณ อันสุข และ พรรณยุพา เนาว์ศรีสอน. (2563). การส่งเสริมศักยภาพแก่สตรีตั้งครรภ์เพื่อป้องกันภาวะเสี่ยงต่อการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด: บทบาทพยาบาล. ศรีนครินทร์เวชสาร, 35(2), 238-245.
ปิยะพร กองเงิน. (2558). การพยาบาลสูติศาสตร์สตรีที่มีภาวะแทรกแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์. กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
พีรนันท์ วิศาลสกุลวงษ์. (2557). ความเป็นหุ้นส่วนการผดุงครรภ์ระหว่างพยาบาลผดุงครรภ์และหญิงตั้งครรภ์เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด. วารสารเกื้อการุณย์, 21(1), 34-44.
ระบบคลังข้อมูลสุขภาพ Health Data Center: [HDC]. (2566). ร้อยละหญิงตั้งครรภ์คลอดก่อนกำหนด 2564-2566. เข้าถึงได้จาก https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/report.php?source=pformated/format1.php&cat_id=12iD3XhCQfYF5sf6FaMrzrGFxzrKJ4u85L&id=ecdbfc8b4725386c34623ce99f0f4b8d
ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย. (2566). การดูแลรักษาภาวะเจ็บครรภ์คลอดและถุงน้ำคร่ำรั่วก่อนกำหนด แนวทางเวชปฏิบัติของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย. เข้าถึงได้จาก https://pct.yahahospital.com/pct/cpg/Preterm.pdf
วรัญญา ชลธารกัมปนาท, ทิพวรรณ ลิ้มประไพพงษ์ และ ธนพร ศนีบุตร. (2554). ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้เกี่ยวกับการคลอดก่อนกำหนดกับพฤติกรรมการป้องกันการคลอดก่อนกำหนดของหญิงตั้งครรภ์ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี (รายงานผลการวิจัย). จันทบุรี: โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี.
อัสมะ จารู, วรางคณา ชัชเวช และ สุรีย์พร กฤษเจริญ. (2562). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการดูแลตนเองของหญิงตั้งครรภ์ที่ประสบความสำเร็จในการยับยั้งการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์, 39, 79-92.
อาทิตยา แก้วน้อย, ศรีสมร ภูมนสกุล และ สายลม เกิดประเสริฐ. (2561). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพและอายุครรภ์เมื่อคลอดของสตรีตั้งครรภ์ที่เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด. รามาธิบดีพยาบาลสาร, 24(3), 264-78.
American College of Obstetricians and Gynecologists’ Committee on Practice Bulletins—Obstetrics (2016). Practice bulletin no. 171: management of preterm labor. Obstetrics & Gynecology, 128, e155-e164. doi: 10.1097/AOG.0000000000001711
Best, J. W. (1981). Research in Education (4th edition). New Delhi: Prentice Hall of India.
Krejcie, R.V., & D.W. Morgan. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement, 30(3), 607–610. doi: 10.1177/001316447003000308
Lazarus, R. S., & Folkman, S. (1984). Stress, Appraisal and Coping. New York: Springer.
Maloni, J.A. (2011). Lack of evidence for prescription of antepartum bed rest. Expert Review of Obstetrics & Gynecology, 6(4), 385-393. doi: 10.1586/eog.11.28
Office of the National Economic and Social Development Board. (2016). The Twelfth National Economic and Social Development Plan (2017-2021), Retrieved form https://www.sme.go.th/upload/mod_download/download-20201012120836.pdf
Rahmati, S., Azami, M., Badfar, G., Parizad, N., & Sayehmiri, K. (2020). The relationship between maternal anemia during pregnancy with preterm birth: a systematic review and meta-analysis. The Journal of Maternal-fetal & Neonatal Medicine, 33(15), 2679-89. doi: 10.1080/14767058.2018.1555811
Rubarth, L. B., Schoening, A. M, Cosimano, A., & Sandhurst, H. (2012). Women's experience of hospitalized bed rest during high-risk pregnancy. Journal of Obstetric, Gynecologic & Neonatal Nursing, 41(3), 398-407. doi: 10.1111/j.1552-6909.2012.01349.x
Sciscione, A. (2010). Maternal activity restriction and the prevention of preterm birth. American Journal of Obstetrics and Gynecology, 202(3), 232.e1-232.e5. doi: 10.1016/j.ajog.2009.07.005
World Health Organization: [WHO]. (2023). Preterm Birth. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/preterm-birth
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 วารสารวิจัยการพยาบาลและสุขภาพ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.