การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดเลือดเฉียบพลันที่แขนขาจากการได้รับยากลุ่มนอร์เอพิเนฟริน ในผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด

บทคัดย่อ

ภาวะขาดเลือดเฉียบพลันที่แขนขาเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญจากการได้รับยากระตุ้นความดันโลหิตกลุ่มนอร์เอพิเนฟริน จำเป็นต้องมีแนวปฏิบัติการพยาบาลที่ชัดเจน การวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์ พัฒนา และประเมินผลการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว ในผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม 3 โรงพยาบาลมหาสารคาม โดยใช้แนวคิดของ Kemmis and McTaggart ผู้ร่วมวิจัย คือ พยาบาลวิชาชีพจำนวน 12 ราย และผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดจำนวน 160 ราย เครื่องมือวิจัย ประกอบด้วย แนวคำถามสำหรับการสนทนากลุ่ม แบบบันทึกข้อมูลผู้ป่วยและผลลัพธ์ทางคลินิก แบบประเมินความรู้ของพยาบาลวิชาชีพ มีค่าความเชื่อมั่นของคูเดอร์-ริชาร์ดสัน 20 เท่ากับ .70 และแบบประเมินการปฏิบัติการพยาบาล มีค่าความเชื่อมั่นระหว่างผู้ประเมินเท่ากับ .83 และแบบประเมินความพึงพอใจต่อการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาล มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่าของครอนบาคเท่ากับ .83 ผลการวิจัย พบว่า หลังการพัฒนาภายใต้วงจรวิจัยเชิงปฏิบัติการ 3 วงรอบ ได้แนวปฏิบัติการพยาบาล ประกอบด้วย 4 หมวดกิจกรรม คือ 1) การเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง 2) การบริหารยาอย่างช้า ๆ โดยเคร่งครัด 3) การเลือกและการดูแลเส้นเลือดที่ให้ยา และการจัดการเมื่อเกิดภาวะขาดเลือดเฉียบพลันที่แขนขา และ 4) การทบทวนแผนการรักษา และการบันทึกปริมาณปัสสาวะ และไม่พบอัตราการเกิดภาวะขาดเลือดเฉียบพลันที่แขนขา พยาบาลวิชาชีพมีความรู้เกี่ยวกับการพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดเลือดเฉียบพลันที่แขนขาสูงกว่าก่อนการพัฒนาแนวปฏิบัติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.01) มีการปฏิบัติการพยาบาลได้อย่างถูกต้องและครอบคลุมและมีความพึงพอใจในระดับสูง (\bar{x}=4.33, SD=0.45) ดังนั้นแนวปฏิบัติการพยาบาลที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปใช้ในการป้องกันการเกิดภาวะขาดเลือดเฉียบพลันที่แขนขาในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มนอร์เอพิเนฟรินได้