ความชุกของการบาดเจ็บของกระดูกขากรรไกรและใบหน้าโรงพยาบาลกระบี่ การศึกษาย้อนหลังระยะเวลา 14 ปี
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัย เป็นการศึกษาย้อนหลังในผู้ป่วยกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณกระดูกขากรรไกร และใบหน้าที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ตั้งแต่ 1 มกราคม 2552 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565 จำนวน 937 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบข้อมูลทั่วไปของผู้ป่วย ข้อมูลสาเหตุการบาดเจ็บ ข้อมูลการรักษา การผ่าตัด และระยะเวลาพักรักษาที่โรงพยาบาลกระบี่ กลุ่มงานศัลยกรรมช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา ใช้สถิติจำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่ามัธยฐาน ค่าต่ำสุด และค่าสูงสุด วิเคราะห์หาความสัมพันธ์ ใช้สถิติไคว์สแควร์ (chi-square test)
ผลการวิจัยพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 69.6 ช่วงอายุที่พบบ่อยที่สุดคือ 11-20 ปี ร้อยละ 26.3 รองลงมาเป็นกลุ่มอายุระหว่าง 21-30 ปี ร้อยละ 24.4 อาชีพรับจ้าง ร้อยละ 41.8 สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ ร้อยละ 72.6 ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ รองลงมาคือการถูกทำร้ายร่างกาย (ร้อยละ 9.5) ตำแหน่งที่พบมีการบาดเจ็บมากที่สุดคือกระดูก Mandible (ร้อยละ31.7) รองลงมาคือ กระดูก Zygomatic (ร้อยละ 25.3) ตำแหน่งที่มีการแตกหักมากที่สุดของกระดูกขากรรไกรล่างคือบริเวณ Symphysis (ร้อยละ 67.4) การรักษาด้วยการมัดฟัน (ร้อยละ 33.1) และการผ่าตัดใส่แผ่นโลหะยึดกระดูก (ร้อยละ 20.2) ระยะเวลาพักรักษาในโรงพยาบาลของผู้ป่วยมีวันนอนอยูในช่วง 1-5 วัน (ร้อยละ 55.1) ตำแหน่งการบาดเจ็บของกระดูกขากรรไกรและใบหน้าของผู้ป่วย มีความสัมพันธ์กับระยะการพักรักษาในโรงพยาบาลกระบี่ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ (P<0.05)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนิพนธ์ต้นฉบับจะต้องผ่านการพิจารณาโดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2 ท่าน แบบผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แต่งไม่ทราบชื่อกันและกัน (double-blind review) และการตีพิมพ์บทความซ้ำต้องได้รับการอนุญาตจากกองบรรณาธิการเป็นลายลักษณ์อักษร
ลิขสิทธิ์
ห้ามนำข้อความทั้งหมดหรือบางส่วนไปพิมพ์ เว้นว่าได้รับอนุญาตจากโรงพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร
ความรับผิดชอบ
เนื้อหาต้นฉบับที่ปรากฏในวารสารเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียน ทั้งนี้ไม่รวมความผิดพลาดอันเกิดจากเทคนิคการพิมพ์
เอกสารอ้างอิง
World health organization. Global status report on road safety 2023. cited 25. 2023 Dem 25. Available from: https//iris.who.int/bitstream/handle/10665/375016/9789240086517-eng.pdf?sequence=1.
ชัยรัตน์ บุรุษพัฒน์. หลักการในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า. เวชสารแพทย์ทหารบก, 66(2), 79-82.
โรงพยาบาลกระบี่. รายงานสรุปข้อมูลด้านคลินิก 2565. เอกสารเย็บเล่ม; 2565. กระบี่.
Gassner R. Tuli T, Hachi O, Rudisch A, Ulmer H. Craniomaxillofacial truma: a 10 year review of 9,543 cases with 21,067 injuries. (2003). Craniomaxillofac Surg. 31, 51-61.
ดนุยศ ศรีศัมภุวงศ์. ความชุกของการบาดเจ็บของกระดูกขากรรไกรและใบหน้าในโรงพยาบาลปทุมธานี การศึกษาย้อนหลังระยะเวลา 8 ปี. ศรีนครินทร์เวชสาร. 32(5), 422-426.
สุมิตรา จันทร์เพ็ง. อุบัติการณ์และสาเหตุของการบาดเจ็บกระดูกใบหน้าและขากรรไกร กรณีศึกษาในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลชัยภูมิ 3 ปี ย้อนหลัง. วารสารสุขภาพและวิ่งแวดล้อมศึกษา, 6(1), 51-56.
ธีรวัต ผายป้องนา, ธนะศักดิ์ เชงสันติสุข, สุวิทย์ สิงห์ศร และณัฐพงศ์ ธรรมภักดี. (2562). การศึกษาความสัมพัน์ระหว่างการบาดเจ็บบริเวณกระดูกขากรรไกรและใบหน้ากับการบาดเจ็บที่ศีรษะ: การศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบย้อนหลังจากผลไปหาสาเหตุ. วารสารศัลย์ช่องปาก-แมกซิลโลเฟเชียล.33, 88-94.
Mijiti A, Ling W, Tuerdi M, Maimaiti A, Tuerxun J, Tao YZ, et al. Epidemiological analysis of maxillofacialfractures treated at a university hospital, Xinjiang, China: A 5-year retrospective study. JCraniomaxillofac Surg, 42, 227-33.
โจมา แสงแก้ว และสิทธิชัย ตันติภาสวศิน. การหายของกระดูกขากรรไกรล่างหักที่ได้รับการรักษาโดยการมัดฟันเป็นเวลาสามสัปดาห์. วารสารโรงพยาบาลชลบุรี, 44(2), 109-118.
Ongodia D, Li Z, Zhou H. Comparative analysis of trends in the treatment of mandibular fractures. Journal of oral and maxillofacial surgery, medicine,
and pathology, 26(3), 276-9.