การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออก ในโรงพยาบาลกระบี่

บทคัดย่อ

          การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดในโรงพยาบาลกระบี่ ดำเนินการ 3 ระยะคือ 1) ระยะวิเคราะห์สถานการณ์ 2) ระยะพัฒนา และ 3) ระยะประเมินผลกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออกมีอายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 15 ปีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลกระบี่ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2560 – 30 มิถุนายน 2561 จำนวนทั้งสิ้น 280 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบบันทึกการทบทวนเวชระเบียน 2) แนวปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออก 3) แบบประเมินอาการเปลี่ยนแปลงไข้เลือดออก และ 4) แบบประเมินความเป็นไปได้ในการใช้แนวปฏิบัติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลประกอบด้วย 1) แบบบันทึกตัวชี้วัดคุณภาพการดูแลผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออก 2) แบบสอบถามการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติและ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่ต่อการใช้แนวปฏิบัติ ทดสอบความเที่ยงของแบบสอบถามการปฏิบัติตามแนวปฏิบัติและความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพต่อการใช้แนวปฏิบัติโดยสัมประสิทธิ์อัลฟ่าของครอนบาค ได้ค่าความเที่ยงของแบบสอบถาม .86 และ .89 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ยร้อยละและสรุปจากข้อเท็จจริง ผลการศึกษา พบว่า
          1. แนวปฏิบัติการพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออกประกอบด้วย 2 ส่วนคือ 1) แนวทางการดูแลผู้ป่วยเด็กที่สงสัยภาวะไข้เลือดออกที่แผนกผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุฉุกเฉินได้แก่ การวัดไข้ ทำการทดสอบทูนิเกต์ เจาะ CBC ให้การดูแลตามอาการให้คำแนะนำและแจกเอกสารแผ่นพับ 2) การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออกเดงกี่ เมื่อรับไว้ในโรงพยาบาล ได้แก่ 1) การพื้นที่บริการผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออกภายในหอผู้ป่วย 2) การประเมินอาการ 3) การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออก 3 ระยะคือ ระยะไข้ ระยะวิกฤติ/ช็อก และระยะฟื้นตัว 4) การวางแผนจำหน่าย และ 5) การติดตามหลังจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล
          2. ผลลัพธ์การปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติพบว่าไม่พบอุบัติการณ์ผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออกเสียชีวิตไม่เกิดภาวะน้ำเกิน ภาวะ
เลือดออก (DIC) ไตวาย และ Encephalitis เกิด prolong shock ลดลงจากร้อยละ 0.70 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 0.23 ในปี 2561 จำนวนวันนอนเฉลี่ยลดลงจาก 4 วันในปี 2558 เหลือ 3 วันในปี 2561 ผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออกได้รับการติดตามหลังจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 80 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 100 ในปี 2561 ผู้ปฏิบัติมีความพึงพอใจต่อการใช้แนวปฏิบัติส่งผลให้มีการปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติร้อยละ 100
          ดังนั้นการพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลผ้ปู ่วยเด็กโรคไข้เลือดออกจึงเป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับพยาบาลใช้ในการปฏิบัติ
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคไข้เลือดออก ให้เกิดความปลอดภัย ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง